“บิ๊กฉัตร” ไฟเขียว “กฤษฏา” เคาะจ่ายชดเชยเรือประมงออกนอกระบบ ล็อตแรก 570 ลำ วงเงิน 600 ล้านบาท ชงครม.22 ม.ค.นี้ วันนี้ (4 ม.ค.62) พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้ความเห็นชอบการประเมินราคาตามสภาพเรือประมง กำหนดเกณฑ์การประเมินราคาเรือตามสภาพความเป็นจริงของเรือที่ประสงค์นำออกนอกระบบ ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนเสนอ ซึ่งมีนายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธาน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้วงเงินประมาณ 600 ล้านบาท ในการจ่ายชดเชยการนำเรือประมงออกนอกระบบ จำนวน 570 ลำ ที่แจ้งความประสงค์ไว้กับกรมประมงไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นเรือประมงที่ไม่สามารถออกทำประมง ตั้งแต่เริ่มมีการแก้ไขปัญหาไอยูยูตั้งแต่ปี 2558 เพราะไม่มีใบอนุญาตประมง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับกระบวนการขั้นตอนการจ่ายชดเชยการนำเรือประมงออกนอกระบบนั้น คณะอนุกรรมการฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุด ได้แก่ 1.คณะทำงานรวบรวมข้อมูลสภาพเรือประมงในพื้นที่ ประจำทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล เพื่อทำการประเมินสภาพเรือประมงปี 2558 ตามแบบการประเมินการชดเชยตามสภาพเรือประมง แล้วจัดส่งแบบประเมินพร้อมรูปถ่ายเรือให้คณะทำงานชุดที่ 2 คือ คณะทำงานประเมินราคาตามสภาพเรือประมง เพื่อดำเนินการประเมินค่าชดเชย และคำนวณโดยใช้ราคาอ้างอิงตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 พลเอกฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ คุณสมบัติของเรือและเจ้าของเรือที่จะพิจารณานำเรือออกนอกระบบ ต้องเป็นเรือที่แจ้งความประสงค์จะนำเรือออกนอกระบบตามประกาศคณะทำงานตรวจสอบประวัติความถูกต้อง และคุณสมบัติเรือประมงและเจ้าของเรือ โดยรายชื่อและเจ้าของเรือที่จะได้รับการประเมินต้องเป็นรายชื่อที่ผ่านการพิจารณาของคณะทำงานฯ ด้วยเช่นกัน ส่วนเกณฑ์การประเมินเพื่อรับค่าชดเชยการนำเรือประมงออกนอกระบบนั้น จะประเมินจากโครงสร้างของเรือ 4 ส่วน ได้แก่ 1.เปลือกเรือ 2.พื้นเรือ-ดาดฟ้า 3.กงเรือ-กระดูกงู และ 4.เก๋งเรือ โดยเกณฑ์ให้น้ำหนักคะแนนแต่ละโครงสร้าง พิจารณาจากปริมาณไม้ที่ใช้ในการประกอบเป็นโครงสร้างแต่ละส่วน ประกอบด้วย เปลือกเรือ ร้อยละ 35 พื้นเรือ-ดาดฟ้า ร้อยละ 10 กงเรือ - กระดูกงู ร้อยละ 25 และเก๋งเรือ ร้อยละ 10 โดยประเมินสภาพไม้จากโครงสร้างเรือแต่ละส่วนโดยวิธีการให้คะแนน แบ่งเป็น 4 ระดับ คือ สภาพไม่ดี สภาพพอใช้ สภาพดี และสภาพดีมาก “การดำเนินการหลังจากคณะทำงานประเมินราคาตามสภาพเรือประมง จัดทำสรุปผลการประเมินราคาเรือเป็นรายลำ และรวบรวมสรุปจำนวนเรือและราคาประเมินทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว จะเสนอต่อคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน และเสนอคณะรัฐมนตรี โดยเบื้องต้นคาดว่าจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 มกราคมนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการให้กำลังใจชาวประมงที่ให้ความร่วมมือกับรัฐแก้ปัญหาไอยูยูมาตลอดระยะเวลา 3 ปี ซึ่งคาดว่าเมื่อครม.เห็นชอบแล้ว การจ่ายเงินชดเชยการนำเรือประมงออกนอกระบบจำนวน 570 ลำ จะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และเรือที่เข้าโครงการนำเรือออกนอกระบบครั้งนี้ จะไม่กลับสู่ระบบประมงอีกแล้ว โดยเรือเหล่านี้เจ้าของจะต้องรื้อทำลายทั้งหมด”พลเอกฉัตรชัย กล่าว