ป.รวบหนุ่มอุตรดิตถ์ฆ่ารัดคอแม่ยาย อ้างเจ็บแค้นถูกด่าหยามศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย หลังเมียสาวปันใจติดพันหนุ่มทางเฟซบุ๊ค เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ. แมน เม่นแย้ม ผกก. 4 บก.ป. พ.ต.ท. ณัฐพงศ์ อำไพจิตร์ สว.กก 4 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายเจษฎา เส็งล้ำ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 2 ต. ผักขวง อ.ทองแสนขัน จ. อุตรดิตถ์ ตามหมายจับศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ จ. 349/2561 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2561 ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ ท่าเกษมรีสอร์ท ม. 2 ต. ท่าเกษม อ. เมืองสระแก้ว จ. สระแก้ว สืบเนื่องจาก วันที่ 28 ธ.ค. 2561 พนักงานสอบสวน สภ. ทองแสงขัน ได้รับแจ้งเหตุ นาง จวน แง้มท้าว อายุ 61 ปี ถูกฆาตกรรมเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านเลขที่ 120/2 หมู่ 1 ต.ผักขวง อ.ทองแสนขัน จ. อุตรดิตถ์ ในสภาพศพนอนหงาย มีร่องรอยถูกบีบรัดที่ลำคอ ต่อมาจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าผู้ลงมือก่อเหตุฆ่านางจวนคือ นายเจษฎา ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งเป็นลูกเขยของผู้ตาย เนื่องจากนายเจษฎา จับได้ว่าภรรยาของตนเอง ซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้ตายได้หลบหนีไปอยู่กับชายหนุ่มคนอื่น แต่เมื่อไปสอบถามผู้ตายซึ่งเป็นแม่ยายที่บ้านพัก กลับถูกต่อว่าด่าทอ และพูดจาดูหมิ่นศักดิ์ศรี จึงบันดาลโทสะก่อเหตุฆ่าผู้ตายดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่าภายหลังจากก่อเหตุนายเจษฎา ได้หลบหนีมากบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.สระแก้ว จึงนำกำลังไปทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว จากการสอบสวน นายเจษฎา ให้การรับสารภาพว่า ตนเองได้คบหากับ น.ส. รจเรศ แง้มท้าว อายุ 37 ปี ภรรยา อยู่กินกันฉันผัวเมียมานานกว่า 20 ปี และมีบุตรด้วยกันจำนวน 3 คน โดยเริ่มมีบุตรคนแรกตั้งแต่สมัยจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นใหม่ๆ ที่ผ่านมาตนพยายามจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีออกไปทำงานรับจ้างขับรถหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวเพียงลำพัง ถึงแม้จะได้เงินค่าจ้างเพียงวันละ 350 บาท แต่ตนก็พยายามไม่ให้ภรรยาและครอบครัวต้องลำบาก โดยให้ภรรยาทำหน้าที่เป็นแม่บ้านคอยเลี้ยงดูบุตรอยู่ที่บ้านเพียงอย่างเดียว ซึ่งตลอดที่ผ่านมาตนและภรรยารักกันดีมาโดยตลอด จนกระทั่งช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา ภรรยาของตนเองเริ่มแอบปันใจให้กับชายหนุ่มคนอื่น เนื่องจากตนจับได้ว่า น.ส. รจเรศ แอบคุยกับชายอื่นผ่านเฟซบุ๊ก ตนจึงขอให้ น.ส.รจเรศ เลิกเล่นเฟซบุ๊ก ไป แต่ น.ส. รจเรศ กลับไม่ยอมหยุด ทั้งยังมีการแอบจดเบอร์โทรศัพท์ของผู้ชายไว้ก่อนจะแอบโทรหากันตลอดในช่วงที่ตนออกไปทำงาน ซึ่งตนเองก็ทราบดีมาตลอดและคิดว่าวันหนึ่ง น.ส.รจเรศ จะคิดได้และเลิกการกระทำดังกล่าว นายเจษฎา ให้การต่ออีกว่า กระทั่ง วันที่ 13 ธ.ค. 2561 หลังจากตนเลิกงานกลับมาที่บ้านพักก็พบว่า น.ส.รจเรศ ได้หนีออกจากบ้านไป ตนจึงคิดว่าน่าจะหนีไปกับชายชู้ จึงได้ไปขอให้พ่อของตนนำควายที่เลี้ยงไว้ไปขายเพื่อนำเงินมาใช้เป็นทุนในการขี่รถจักรยานยนต์ตามหาภรรยา โดยตระเวนขับรถไปตามจังหวัดต่าง ๆ ทั้ง กทม. สุโขทัย แต่ก็ไม่พบ ตนจึงตัดสินใจขับรถไปยังบ้านพักของ นางจวน ผู้ตายซึ่งเป็นแม่ของภรรยา ที่ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อจะไปสอบถาม แต่เมื่อไปถึงกลับถูก นางจวน ด่าทอว่า “ให้มันไปมีผัวใหม่ก็ดีแล้ว” จึงทำให้เกิดมีปากเสียงกันขึ้น ก่อนที่ตนจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่โถมเข้าใส่นางจวนจนล้มลงก่อนใช้สายกระเป๋าสะพายรัดคอ จนสลบแน่นิ่งไป ก่อนจะรีบหลบหนีไป กระทั่งมาทราบภายหลังว่านางจวนได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา “อย่างไรก็ตามภายหลังจากทราบเรื่องตนยอมรับว่าตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตต่อไป ประกอบกับพอได้รับทราบข้อมูลว่า น.ส.รจเรศ ภรรยาของตนนั้นหนีไปอยู่กับชายชู้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว จึงขี่ จยย. ไปดักเฝ้ารอและตั้งใจว่าหากเจอภรรยาตนอยู่กับชายชู้ด้วยกันจริงจะใช้มีดแทงทั้งคู่ให้ตายและจะฆ่าตัวตายตามไปในภายหลัง ตามสัญญาใจที่ตนและภรรยาเคยให้ไว้ด้วยกันว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดนอกใจ จะยอมให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้กับตัวเองและครอบครัว ก่อนจะมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมได้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นความสูญเสียคงเกิดมากขึ้นไปกว่านี้ ส่วนเงินที่เหลือจากการขายความของพ่อตนก็อยากฝากไว้ให้กับลูกๆของตนไว้ใช้ในช่วงระหว่างที่ตนต้องรับโทษอยู่ในคุกจากความผิดที่ได้ก่อขึ้น” นายเจษฎา กล่าวทิ้งท้าย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ. ทองแสงขัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป