3 ม.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ดร.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.กล่าวว่สจากกรณีพายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) ซึ่งกำลังจะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวไทยในวันนี้ (3 ม.ค.2562) และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วงค่ำของวันที่ 4 ม.ค.2562 โดยจะมีผลกระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค. 2562 ทำให้มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง โดยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “ปาบึก” เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการ ดังนี้ 1.ให้ทุกหน่วยติดตามสถานการณ์ข่าวพยากรณ์อากาศ ประกาศเตือนภัย ตลอดจน ความเคลื่อนไหวของการเกิดสาธารณภัยต่างๆ และประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา ผ่านทาง www.tmd.go.th และwww.nirapai.com โดยใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการวางแผนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 2.ให้ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗-๙ , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จัดเตรียมชุดช่วยเหลือประชาชน ตลอดจนกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ(รถ/เรือ) อุปกรณ์อื่นๆ เช่น เสื้อชูชีพ แผงเหล็ก กรวยยาง ป้ายประชาสัมพันธ์ ออกช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่โดยด่วน และให้สถานีตำรวจ ทุกแห่งเปิดรองรับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ 3.ให้ทุกหน่วยกำชับและเพิ่มความเข้มงวด ในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่ใกล้เคียง 4.ในพื้นที่ประสบภัย ให้เพิ่มกำลังสายตรวจทางบกและทางน้ำออกป้องกันเหตุ เพื่อมิให้เกิดเหตุอาชญากรรมในลักษณะซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย 5.จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่ใกล้เคียง 6.ระดมประชาชนจิตอาสา และจิตอาสาภัยพิบัติ ตามโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ ออกช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย ในพื้นที่ และกำชับแนวทางในการเตรียมความพร้อมในภารกิจ “จิตอาสาภัยพิบัติ” 3 แนวทาง คือ ตั้งแต่การปฏิบัติในภาวะปกติ การปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุ และการปฏิบัติหลังเกิดเหตุ ทั้งนี้โดยคำนึงถึงความปลอดภัยในการร่วมปฏิบัติการในการช่วยเหลือเป็นสำคัญ 7.ให้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จัดกำลังพลเจ้าหน้าที่ ออกประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูลข่าวสาร และให้ความสะดวกกับนักท่องเที่ยว 8.กองบังคับการตำรวจน้ำ จัดเตรียมเรือในการให้ความช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยว และประชาสัมพันธ์ให้เรือทุกชนิด งดออกจากฝั่ง 9.กองบินตำรวจ เตรียมอากาศยาน ตลอดจนเฮลิคอปเตอร์ช่วยเหลือกู้ภัย พร้อมเจ้าหน้าที่ สามารถทำการเข้าช่วยเหลือประชาชนได้โดยทันทีเมื่อได้รับการสั่งการหรือร้องขอ 10.ให้โรงพยาบาลตำรวจ และ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เตรียมความพร้อมสนับสนุนชุดแพทย์พยาบาล ชุดตรวจพิสูจน์ กรณีได้รับการร้องขอ 11.ให้ทุกหน่วยประสานความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง ฝ่ายท้องถิ่น หน่วยทหาร และภาคเอกชน ในการบูรณาการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุสาธารณภัยอย่างใกล้ชิด 12.ให้ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ปฏิบัติหน้าที่ประสานงานด้านการอำนวยการ เฝ้าฟัง และเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนและติดตามสถานการณ์ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ประชาชนสามารถขอรับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่ง และสามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายได้ที่สายด่วน 191 หรือสอบถามข้อมูลเส้นทางการจราจร สามารถแจ้งอุบัติเหตุ ขอความช่วยเหลือรถเสีย ได้ที่ สายด่วน บก.จร. หมายเลข 1197 และ สายด่วน ตำรวจทางหลวง หมายเลข 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง