วันนี้ (1 ม.ค. 62) ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ (วัดน้ำโมง) ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ได้มีประชาชนนักท่องเที่ยวและชาวหนองคาย เดินทางไปกราบไหว้ขอพร “หลวงพ่อองค์ตื้อ” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อ.ท่าบ่อ และ ของ จ.หนองคาย มีการทำบุญถวายสังฆทาน ไหว้พระ รับศีล ทำบุญถวายปัจจัยให้กับทางวัด รวมทั้งปล่อยปลา กันอย่างเนืองแน่น ทำให้บรรยากาศภายในวัดคึกคัก ซึ่งการไหว้ “หลวงพ่อองค์ตื้อ” เชื่อกันว่าจะนำพาสิ่งที่ดีในชีวิต ให้ชีวิตมีแต่ความสดใส เป็นสิริมงคล หลังจากไหว้พระเสร็จก็ยังได้เช่าบูชาวัตถุมงคลกลับไปบูชาที่บ้านและเป็นของขวัญของฝากให้กับญาติมิตรด้วย โดยมี ร.ต.ท.วรเดช ศรีภา รอง สวป.สภ.ท่าบ่อ (ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริการประชาชนวัดศรีชมภูองค์ตื้อ) นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตำรวจอาสา คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว สำหรับหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ เชื่อว่าสร้างมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มีพระรูปงดงามน่าเลื่อมใส สร้างสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชครองเมืองเวียงจันทน์ โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า พระสงฆ์วัดศรีชมภูองค์ตื้อได้ประชุมปรึกษาหารือกัน ลงมติจะหล่อพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นในบ้านน้ำโมง เพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่อนุชนรุ่นหลังต่อๆ มา เมื่อตกลงกันแล้วจึงชักชวนบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เพื่อเรี่ยไรทองเหลืองบ้าง ทองแดงบ้าง ตามแต่ผู้ที่มีจิตศรัทธาจากท้องที่อำเภอและจังหวัดใกล้เคียง ได้ทองหนักตื้อหนึ่ง (มาตราโบราณภาคอีสานถือว่า 100 ชั่งเป็นหมื่น 10 หมื่นเป็นแสน 10 แสนเป็นล้าน 10 ล้านเป็นโกฏิ 10 โกฏิเป็นหนึ่งกือ 10 กือเป็นหนึ่งตื้อ) พระสงฆ์และชาวบ้านจึงพร้อมกันหล่อ เป็นส่วนๆ ในวันสุดท้ายเป็นวันหล่อตอนพระเกศ ในตอนเช้าได้ยกเบ้าเทแล้วแต่ไม่ติด เมื่อเอาเบ้าเข้าเตาใหม่ ทองยังไม่ละลายดีก็พอดีเป็นเวลาจวนพระฉันเพล พระทั้งหมดจึงทิ้งเบ้าเข้าเตาหรือทิ้งเบ้าไว้ในเตาแล้วก็ขึ้นไปฉันเพลบนกุฏิ ฉันเพลเสร็จแล้วลงมาหมายจะเทเบ้าที่ค้างไว้กลับปรากฏเป็นว่ามีผู้เทติด และพระเกศสวยงามเป็นอัศจรรย์ สืบถามได้ความว่า มีชายผู้หนึ่งนุ่งห่มผ้าขาวมายกเบ้านั้นเทจนสำเร็จ แต่ด้วยเหตุที่เบ้านั้นร้อนเมื่อเทเสร็จแล้ว ชายผู้นั้นจึงวิ่งไปทางเหนือบ้านน้ำโมงมีผู้เห็นยืนโลเลอยู่ริมหนองน้ำแห่งหนึ่งแล้วหายไป หนองน้ำนั้นภายหลังชาวบ้านเรียกว่าหนองโลเลมาจนถึงปัจจุบันนี้ และชายผู้นั้นก็เข้าใจกันว่าเป็นเทวดามาช่วยสร้าง เมื่อได้นำพระพุทธรูปที่หล่อแล้วมาประดิษฐานไว้ในวัด มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่แห่งเมืองเวียงจันทน์มาเที่ยวบ้านน้ำโมงสองท่านชื่อว่า ท่านหมื่นจันทร์ กับ ท่านหมื่นราม ทั้งสองท่านได้เห็นพระเจ้าองค์ตื้อก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสที่จะช่วยเหลือ จึงช่วยกันก่อฐาน และทำราวเป็นการส่งเสริมศรัทธาของผู้สร้าง ครั้นเมื่อขุนนางทั้งสองได้กลับถึงเมืองเวียงจันทน์แล้ว ได้กราบบังคมทูลพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ผู้ครองเมืองเวียงจันทน์ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้เสด็จมาทอดพระเนตร ก็ทรงเกิดศรัทธาหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ จึงได้สร้างวิหารประดิษฐานกับแบ่งปันเขตแดนให้เป็นเขตข้าทาสบริวารของพระเจ้าองค์ตื้อ พระเจ้าองค์ตื้อเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ฝีมือช่างฝ่ายเหนือและล้านช้างผสมกัน นับเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามมาก เป็นพระประธานสร้างด้วยทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดหนองคาย นั่งขัดสมาธิปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3 เมตร 29 เชนติเมตร สูง 4 เมตร ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชมภู องค์ตื้อ ตำบลน้ำโมง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่มีประชาชนสองฝั่งแม่น้ำโขงเคารพนับถืออย่างยิ่ง.