”ภูมิธรรม“ เผย ทหาร ค้าน แก้ พรบ.กลาโหม เขียนห้ามปฏิวัติ ชี้ รธน.กำหนดไว้แล้วหวั่น ใช้เป็นข้ออ้าง กลั่นแกล้งทหาร ขออย่าเขียน หาทางป้องกันรอบด้าน ดีกว่า ยันทหารไม่คิดปฏิวัติ ไม่อยากทำ สะพรึง!! เผย ทหารบอก ถ้าจำเป็น มันก็ต้องทำ
ทหารค้าน ทุกประเด็น ไม่ลดสัดส่วนทหารในสภากห.ไม่เอาโผทหาร เข้า ครม.ไม่เปิดช่อง ทหารไม่ทำตามคำสั่ง ผบช. ในการปฏิวัติ ออกตัว ร่างแก้ พรบ กห. ยุค ”สุทิน“ ผ่านสภากห. แล้ว เพราะทหารจำเป็นต้องรับยัน จะแก้ไขปรับปรุงใหม่
เผยมีเรื่องที่พูดไม่ได้
การที่ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ เปิดหมด ถึงการพูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ ในเรื่องการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.กลาโหม ที่ฝ่ายทหารคัดค้าน ในทุกประเด็น ส่งผลให้ถูกมองว่า ภูมิธรรม เจอของแข็ง ของจริง โดนทหาร ปฏิวัติเงียบ เข้าให้แล้ว
เพราะทำให้ ภูมิธรรม ยอมถอย ด้วยการรับปากว่า จะยอมปรับปรุงแก้ไข ร่าง พรบ.กลาโหม ฉบับของกระทรวงกลาโหม ที่ร่างในยุค สุทิน คลังแสง เป็น รมว.กลาโหม พลเรือน ที่ตั้งธง หวังสกัดกั้นการปฏิวัติรัฐประหาร
แต่ ภูมิธรรม กลับยอมให้รื้อร่าง ฉบับของ สุทิน ทั้งๆที่ ผ่านสภากลาโหม มาแล้ว และใช้เวลาประมาณ 1 ปีที่ สุทิน เป็นรมว.กลาโหม ทำจนสำเร็จ รอนำเข้า ครม. เพื่อเสนอเป็นร่างฯ ของรัฐบาลนำเข้าสู่การพิจารณาของสภา
แต่จากการถูก ผบ.เหล่าทัพคัดค้าน ภูมิธรรม จึงยอมถอย ด้วยเหตุผลของฝ่ายทหาร เช่น ประเด็นการเขียน
เรื่องห้ามปฏิวัติ ที่ฝ่ายทหาร บอกว่า ไม่ต้องเขียน เพราะรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด ห้ามอยู่แล้ว ว่าทำไม่ได้
“ทหารเขาก็ไม่ได้คิดอยากจะทำ แต่ถ้าจะทำ มันก็จำเป็นต้องทำ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ภูมิธรรม อ้างคำพูดของ ฝ่าย ผบ.เหล่าทัพ
นอกจากนี้ ฝ่ายทหารยังรู้สึกกังวลใจและไม่เห็นด้วย กับเขียนเปิดช่องให้ทหาร ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา หากต้องก่อ การรัฐประหาร เพราะผิดหลักเกณฑ์ เพราะสำหรับทหาร ถ้า ผู้บังคับบัญชาสั่ง ก็ต้องปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้น จะเสียวินัย เพราะไม่ว่าถูกหรือผิดคนสั่งการจะเป็นคนรับผิดชอบ
ส่วนประเด็นสำคัญที่สุดคือ การระบุให้นายกรัฐมนตรีนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในการ โยกย้ายนายทหารได้ เมื่อรู้ว่าจะทำรัฐประหาร เพราะ ฝ่ายทหารมองว่า การปฏิวัติ จะยังไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ หากยังไม่เกิดขึ้นจริง
โดยฝ่ายทหารเกรงว่าจะถูกเอามาใช้เป็น เครื่องมือในการกลั่นแกล้งทางการเมือง ทั้งโดยฝ่ายรัฐบาลเองและฝ่ายทหารในกองทัพกันเอง ในการล้มล้างอำนาจ
“เพื่อรักษาความต้องการของทั้งสองฝ่าย จุดศูนย์กลางอยู่ตรงไหน หรือถ้าเรื่องนี้ รับกันไม่ได้เลย ก็อาจยังไม่มีข้อสรุป ตอนนี้ก็มาดูว่าเรื่องไหนทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ให้บอกมาตรงๆ” ภูมิธรรม ระบุ
แม้แต่เรื่องธุรการ ของสภากลาโหม กองทัพก็ยังไม่เห็นด้วย กับการลดสัดส่วนทหารในสภากลาโหม จากเดิม ที่ มี 5 เสือเหล่าทัพ จะให้ลดเหลือแค่ ผบ.เหล่าทัพ เสธ.เหล่าทัพ และ ผช.ผบ.เหล่าทัพ โดยฝ่ายทหารต้องการให้คง 5 เสือ เหล่าทัพ ในสภากลาโหม ตามเดิม
ที่ฝ่าย กองทัพค้านตัวโก่ง คือ การส่งโผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล เข้า ครม. เพราะไม่เคยมีธรรมเนียมมาก่อน เพราะ อ้างว่าเป็นการแทรกแซงข้าราชการประจำ ในภาพรวมแล้ว ดูว่า ภูมิธรรม จะเป็นฝ่ายยอมทหาร ต่างจาก ยุค สุทิน ที่หักคอผ่านการอนุมัติ เลย แม้ผู้ บัญชาการเหล่าทัพ จะไม่เคยร่วมประชุมด้วย ก็ตาม แต่ก็ส่งตัวแทนมาร่วม ก็ถือว่าได้รับรู้แล้ว
แต่ที่ต้องจับตามองคือนายภูมิธรรมจะหาจุดตรงกลางที่ฝ่ายกองทัพยอมรับได้ส่วนฝ่ายการเมืองว่าสบายใจว่าทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นอีก ได้อย่างไร
จนมีกระแสข่าวว่านายภูมิธรรมได้ขอให้ ผบ.เหล่าทัพ พิจารณา ในเรื่องการแก้ไข สัดส่วนสมาชิกบอร์ด7เสือกลาโหม จาก ที่มี รมว.กลาโหม เป็นประธานร่วม ด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (รมช.กลาโหม) ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ. ทบ. ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ ตามพรบ.กลาโหม 2551 เป็นสัดส่สน 2:5 เสียง ป้องกันไม่ให้การเมืองเข้าแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของกองทัพ
โดยมีการเสนอเพิ่มจำนวนสมาชิกของบอร์ด 7 เสือกลาโหมให้เป็น9 เสือกลาโหมคือ ให้นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และเพิ่มรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่จะทำให้ฝ่ายการเมือง ที่จะมีอีก 2 เสียง รวมเป็น 4 เสียง
แม้ว่า เสียงจะยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนเสียง ทั้งหมด 9 เสียง ก็ตาม แต่ก็เสี่ยง หาก ผบ.เหล่าทัพแตกแถว แค่ 1 เสียง หรือ หากไปโหวตร่วมกับฝ่ายการเมืองเสียงเดียว ก็คือตัดสินได้เลย หรือแม้แต่ งดออกเสียง ก็ จะทำให้เสียงเสมอกัน 4 ต่อ 4 ตามระเบียบแล้ว คนเป็นประธานจะมีเสียงตัดสิน อีก 1 เสียง
แต่กระนั้น หากผบ.เหล่าทัพ ฝืนกระแสไม่ได้ แต่ก็ยากที่จะยอมได้ เพราะ เสี่ยง ที่ฝ่ายการเมืองจะแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย ทหาร
แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการเหล่าทัพ จะให้เกียรติกันในการไม่ให้มีการโหวต โดยให้เกียรติผู้บัญชาการแต่ละเหล่าทัพ ตามที่ได้เสนอมา ดังนั้น หากไม่ยอมให้โหวต ฝ่ายการเมืองก็ไม่สามารถแทรกแซงการตัดสินใจของผู้บัญชาการเหล่าทัพได้
แต่แน่นอนว่า กองทัพก็จะถูกกระแสโจมตีที่ไม่ยอมให้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของตำรวจ ก็ทำโดยคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพียงแต่โครงสร้างของก.ตร.กับบอร์ด 7 เสือกลาโหม นั้น แตกต่างกัน และตำรวจก็มีพรบ.ตำรวจ
ดังนั้นเกมนี้แม้ ภูมิธรรม จะยอมถอย ด้วยการแก้ไขร่างกลาโหมตามที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพคัดค้านมาก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันข้อเสนอของ ภูมิธรรม เรื่อง 9 เสือกลาโหม ก็เป็นเหมือนกันปฏิวัติกลับ การยึดอำนาจผบ. เหล่าทัพ จี้ให้ต้องตัดสินใจท่ามกลางกระแสประชาธิปไตยที่ต้องการให้ทหารปรับตัว
แต่ท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นฝ่ายยอมใคร