เปิดประเดิมนักษัตรหมู ปีกุน ที่ยังคงเฉลิมฉลองเพราะอยู่ในช่วงเทศกาลกัน ด้วย “มาเตรา” นครในประเทศอิตาลี ซึ่งมีความสำคัญในฐานะ “เมืองหลวงทางวัฒนธรรมแห่งยุโรป ประจำปี 2019 (พ.ศ.2562)” ที่ได้รับเลือกประกาศยกย่องคู่กับ “เมืองปลอฟดิฟ” ในประเทศบัลแกเรีย ซึ่งได้นำเสนอใน “สยามเวิลด์ทัวร์” ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำหรับ ที่ตั้งของ “เมืองมาเตรา” ที่จะกล่าวถึงนี้ อยู่ใน “แคว้นบาซิลิกาตา” ภาคใต้ของประเทศอิตาลี โดยมีสถานะเป็น “นครหลวง” หรือ “เมืองเอก” ของ “จ.มาเตรา” ชื่อเดียวกับเมืองแห่งแคว้นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปในช่วงปี 1663 (พ.ศ. 2206) – 1806 (พ.ศ.2349) “มาเตรา” เคยถูกยกให้เป็น “เมืองหลวง” หรือ “ศูนย์กลาง” ของ “แคว้นบาซิลิกาตา” เลยทีเดียว ในฐานะที่มีความสำคัญต่อแคว้นบาซิลิกาตาในหลายๆ ด้านด้วยกัน เช่น การเมือง เศรษฐกิจ การค้า การทหาร และกิจการทางศาสนา และก็แน่นอนว่า ถ้าจะกล่าวกันในด้านการท่องเที่ยว ก็เป็นไปในแนวเดียวกับเมืองปลอฟดิฟ คือ “การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม” ซึ่งที่ “เมืองมาเตรา” ก็รุ่มรวยด้วยบรรดาโบราณสถาน และศิลปวัฒนธรรม หลากยุค หลายสมัย เช่นเดียวกับ “เมืองปลอฟดิฟ” ในประเทศบัลแกเรีย ทั้งนี้ นอกจากเมืองมาเตรา จะถูกยกย่องว่าเป็น “เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป ประจำปี 2019” แล้ว ก็ยังเคยได้รับการขึ้นทะเบียนจาก “องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ” หรือ “ยูเนสโก” ให้เป็น “มรดกโลก” เมื่อปี 1993 (พ.ศ. 2536) โดยสถานท่องเที่ยวในเมืองมาเตรา ก็มีหลายแห่ง ได้แก่ ปราสาทตราโมนตาโน “ปราสาทตราโมนตาโน” เป็นปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อช่วงต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดย “จิโอวานนี การ์โล ตราโมนตาโน” ซึ่งดำรงตำแหน่ง “เคานต์แห่งเมืองมาเตรา” วัตถุประสงค์ก็เป็นทั้งที่พำนักและป้อมปราการทางทหาร โดยปราสาทตราโมนตาโนแห่งนี้ ได้ถูกยกย่องให้สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างในพื้นที่นอกเขตซาสซี หรือเนินถ้ำหินของเมืองมาเตราด้วย มหาวิหารมาเตรา “มหาวิหารมาเตรา” เป็นศาสนสถานระดับ” มหาวิหาร” ของคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ถูกสร้างขึ้นเมื่อช่วงคริศต์ศตวรรษที่ 13 อุทิศถวายแด่พระแม่มารี โดยกลุ่มคริสตจักรโรมันคาทอลิก ภายใต้การนำของสันตะปาปา หรือ “โป๊ปอินโนเซนต์ ที่ 3” เพื่อยกสถานะให้เมืองมาเตราแห่งนี้ เป็น “เขตบริหารปกครองด้านการศาสนา” ระดับ “อาร์คบิชอป” จากเดิมที่เป็นระดับ “บิชอป” สถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างบริวณเนินเขาและถ้ำ “เขตนครคูหา หรือเมืองถ้ำ” ถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเมืองมาเตราแห่งนี้ ที่ใช้ถ้ำตามเนินเขาหิน หรือที่เรียกว่า “ซาสซี (Sasssi)” เป็นที่พักอาศัยของประชากรชาวเมือง รวมถึงเป็นศาสนสถานของคริสตศาสนาก็มี โดยปรากฏเป็นสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมต่างๆ แต่ครั้งโบราณสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันให้เป็นที่ประจักษ์ ศิลปกรรมภายในนครคูหา หรือเมืองถ้ำแห่งมาเตรา