ศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ในหลายจังหวัดเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ในส่วนของจังหวัดที่บรรดานายก ชิงลาออกก่อนครบวาระ ก็ได้มีการทยอยเลือกตั้งไปแล้วหลายจังหวัด และอีกหลายจังหวัดจะมีการครบวาระกลางเดือนธันวาคม 2567 และจะต้องมีการจัดเลือกตั้งช่วงต้นปี 2568

โดยในส่วนของจังหวัดสงขลา มีความเคลื่อนไหวที่น่าจนใจอย่างยิ่ง เมื่อมีกระแสข่าวออกมาว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะให้นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ.สงขลา หยุดลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งนายกอบจ.สงขลาในรอบนี้ โดยให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์มีปัญหาความขัดแย้งและตกต่ำมากจึงไม่อยากให้เกิดปัญหาในการเลือกตั้งท้องถิ่นอีก

โดยนายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกอบจ.สงขลา กล่าวว่า ตนไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลา ครั้งที่ 2 ตามที่ได้จัดทีม “รวมพลังร่วมสร้างสุข” มีสมาชิกสภาอบจ. 27 คน แล้ว ทั้งที่ตั้งใจลงสมัครเพื่อรับใช้ประชาชนชาวสงขลา แต่จากการได้เจรจากับนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อ และเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณทั้งสองคนคือนายเดชอิศม์ ขาวทอง และนายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.สงขลา  ซึ่งได้ชักชวนเข้าสู่วงการเมือง และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้การสนับสนุน จะได้จบกันไปไม่ต้องมาทวงบุญคุณกันอีกต่อไป

“แม้ผมจะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลา แต่จะไม่ทิ้งพื้นที่ จะยังคงอยู่กับประชาชนต่อไป ยังคงหาช่องทางประสานช่วยเหลือประชาชนต่อไปโดยเฉพาะภาคการเกษตร” นายไพเจน กล่าว

ด้าน นายอริย์ธัช ทองเพชร ประธานสภา อบจ.สงขลา แกนนำ “ทีมรวมพลังร่วมสร้างสุข” กล่าวว่า ตนเห็นแต่ข่าวว่านายไพเจน หัวหน้าทีมไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ว่าที่ผู้สมัคร ส.อบจ.ทั้ง 27 คน ของทีมจะพบกับนายไพเจน ว่ามีเหตุผลอะไรจึงได้เปลี่ยนใจกะทันหันจนลูกทีมตั้งตัวไม่ทัน แต่อย่างไรก็ตามลูกทีมทั้ง 27 คนจะต้องเดินลงสนามเลือกตั้งต่อไม่ว่าจะเกิดอะไรในอนาคตเพื่อรักษาศักดิ์ศรี

ขณะที่สนามอบจ.นครพนม คึกคักเป็นพิเศษ เมื่อนายกเบียร์ อนุชิต หงษาดี สวมเสื้อเพื่อไทย เปิดตัวทีมฮักนครพนม ประกาศศึกล้มแชมป์เก่า ชิงนายก อบจ.นครพนม โดยได้ 2 ขุนพลการเมือง สิงห์เหนือเสือใต้ อดีตนายกเทศมนตรี ตัวเต็งขวัญใจชาวบ้าน ประกบนั่งว่าที่ รองนายก อบจ. หนุนอาสาเป็นตัวแทนท้องถิ่น เชื่อมนโยบายรัฐบาล พัฒนาท้องถิ่นเชิงรุก แบบไร้รอยต่อ

โดยนายกเบียร์ อนุชิต หงษาดี อายุ 38 ปี อดีต นายกอบต.โพนสวรรค์ อดีต ส.อบจ.นครพนม หลังลาออก จาก นายก อบต.โพนสวรรค์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา จัดทีมงานฮักนครพนม สวมเสื้อเพื่อไทย ลุยพื้นที่ปราศรัยย่อย พบปะแกนนำชาวบ้าน ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบลทันที ประเดิมเวทีแรก อ.ปลาปาก จ.นครพนม เปิดตัว ทีม ว่าที่ ผู้สมัคร ส.อบจ.นครพนม รวม 30 เขต จากพื้นที่ 12 อำเภอ ส่วนพื้นที่ อ.ปลาปาก มี 2 เขตเลือกตั้ง เปิดตัวเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.ปลาปาก คือ นางมนัส แก่นจวง หรืออดีตผู้ใหญ่มนัส อายุ 61 ปี ผู้ใหญ่บ้านเกษียณราชการ บ้านโนนคูณ ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก  เขตเลือกตั้งที่ 2 อ.ปลาปาก คือ นายชยุตพงศ์ แก้วดวงตา หรือลุงออน อายุ 62 ปี อดีตลูกจ้างสถานพินิจ นครพนม ในส่วนของวาระของ อบจ.นครพนม จะครบลงในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 และจะมีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน คือช่วงต้นปี 2568 ทำให้ช่วงนี้ สนามเลือกตั้ง อบจ.นครพนม เริ่มคึกคักทันที

สำหรับทีมบริหาร ถือว่า ได้ตัวเต็งการเมือง เจ้าของฉายา สิงห์เหนือ คือ นายดนัย สิทธิวัชระชัย หรือนายกโว่ อดีตนายก เทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านแพง มาถึงสิงห์ใต้ คือ นายชาญชัย คำจำปา อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลพระซอง อ.นาแก ถือว่า เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ขวัญใจชาวบ้าน ที่มีคะแนนนิยมสูง ทำงานการเมืองต่อเนื่อง ไม่เคยทิ้งพื้นที่

ทั้งนี้ ในการพบปะของ นายกเบียร์ ว่าที่ ผู้สมัคร นายก อบจ.นครพนม พร้อมทีมบริหาร ในชื่อ ทีมฮักนครพนม โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยยืนยัน กับแกนนำชาวบ้าน ในพื้นที่ อ.ปลาปาก ว่า พร้อมประกาศศึกล้มแชมป์เก่า ทวงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย คืน พร้อมยืนยันเหตุผลที่จะต้องมี นายก อบจ.นครพนม มาจากคนของพรรคเพื่อไทย เลือดแท้เพื่อไทย เนื่องจากเป็นโอกาสดีชาวนครพนม ที่จะช่วงชิงโอกาสทอง ในช่วงที่มีรัฐบาลเพื่อไทย ในการทำหน้าที่เป็นตัวแทน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกแห่ง รวมถึง อบจ.นครพนม เชื่อมต่อขานรับ แนวทางพัฒนา ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เกิดการพัฒนาท้องถิ่น ต่อเนื่อง ไร้รอยต่อ เน้นชูนโยบายการพัฒนาเศรษกิจ การค้า การท่องเที่ยว สร้างรายได้ในชุมชน รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยประชาชน จะต้องเข้าถึง ได้รับประโยชน์ สูงสุด ทุกปัญหาจะต้องเสนอไปยังรัฐบาล เพื่อจัดสรรงบประมาณผ่าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาพัฒนาแก้ไข เร่งด่วน

ขณะที่ในส่วนของจังหวัดขอนแก่น หลังได้ทำการเลือกตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายวัชระ สีสาร ผอ.กกต.สนง.จ.ขอนแก่น ก็ได้ส่งหนังสือถึง นายก บอจ.ขอนแก่น เรื่องการประกาศผลการเลือกตั้ง นายก อบจ.ขอนแก่น ส่งถึง นายวัฒนา ช่างเหลา นายก อบจ.ขอนแก่น และ ปลัด อบจ.ขอนแก่น ในฐานะ ผอ.กกต.อบจ.ขอนแก่น เพื่อรับทราบและเข้าสู่ขั้นตอนของการเตรียมการรับตำแหน่งตามระเบียบและข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวข้อง

นายวัชระ กล่าวว่า กกต.กลางมีมติเห็นชอบให้ประกาศผลการเลือกตั้ง นายก อบจ.ขอนแก่น กรณีแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่ได้มีการประกาศให้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พ.ย.2567 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 และมาตรา 106 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2563 และข้อ 179 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 กกต.จึงขอประกาศผลการเลือกตั้งนายวัฒนา ช่างเหลา เป็นนายก อบจ.ขอนแก่น ลงวันที่  19 พ.ย.2567

“ขั้นตอนจากนี้ไป กกต.อบจ.ขอนแก่น จะต้องแจ้งผลการเลือกตั้งให้ผู้ได้รับการเลือกตั้งทราบ รายละเอียดตามเอกสารแนบทั้งจาก กกต.กลางและ กกต.ขอนแก่น และเมื่อดำเนินการแล้วขอให้ส่งตารางลายมือการรับประกาศผลการเลือกตั้งตามที่ส่งมาด้วย และให้นำส่งเอกสารดังกล่าวให้กับ กกต.ขอนแก่น ได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ขณะที่ในส่วนของ อบจ.ขอนแก่น ก็จะต้องเปิดประชุมสภา อบจ.ขอนแก่น เพื่อให้นายก อบจ.คนใหม่ ได้แถลงนโยบายต่อสภาฯ ซึ่งถือเป็นการรับตำแหน่ง นายก อบจ.ตามระเบียบและข้อบังคับตามกฎหมายที่กำหนด จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการตั้งคณะผู้บริหารฯเพื่อดำเนินการตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบต่อไป ส่วนเรื่องร้องเรียนต่างๆที่ส่งเข้ามานั้นก็อยู่ระหว่างการสอบสวนซึ่งไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้”

นายวัฒนา ช่างเหลา นายก อบจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขอขอบคุณชาวขอนแก่นที่ไว้วางใจให้ให้โอกาสตนเองเข้ามาทำหน้าที่ นายก อบจ.ขอนแก่น ด้วยคะแนนรวม332,124  คะแนน ซึ่ง อบจ.หากจะมองว่าเป็นพี่ใหญ่ของหน่วยงานในระดับท้องถิ่น ก็อาจจะเป็นไปได้แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่อยากให้มองแบบนั้น จากนี้ไป อบจ.จะประสานการทำงานกับทุกหน่วยงาน ตามกรอบอำนาจหน้าที่ ระเบียบและข้องบังคับ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทำทันทีไม่มีวันหยุด ไม่มีแบ่งแยก แตกต่าง นโยบายเก้าดีที่ได้หาเสียงและนำเสนอเป็นนโยบายหลักสำคัญในการหาเสียงที่ผ่านมา จะทำทันที ไม่มีวันหยุดและไม่มีเหนื่อย แม้จะต้องติดเรื่องการเลือกตั้ง สมาชิกสภาฯที่จะครบวาระในเดือน ธ.ค.ที่จะถึงนี้แต่การทำงานในฐานะผู้บริหารจะขับเคลื่อนและเดินหน้าต่อไปด้วยคณะทำงานที่จะมีการแต่งตั้งขึ้น และคณะทำงานในระดับพื้นที่ทั้งเทศบาล และ อบต. รวมทั้งฝ่ายปกครอง ทุกคนจะร่วมมือกันและพัฒนาจังหวัดให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและตรงกับความต้องการของประชาชนอย่างเด่นชัด