สำนักงานประกันสังคม จับมือ ธอส. ปล่อยสินเชื่อซื้อบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ 1.59% ต่อปี  วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสิทธิประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

        นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ระหว่างสำนักงานประกันสังคมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของตนเอง


 
          นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ผู้ใช้แรงงาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น


โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567 นี้ เป็นความร่วมมือของ กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงการคลัง โดย สำนักงานประกันสังคม และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์   มีเป้าหมายร่วมกัน คือ “ทำให้คนไทยมีบ้าน”  โดยจะช่วยให้ผู้ประกันตนทุกคน ทั้งมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40  สำนักงานประกันสังคมจึงดำเนินการผลักดันให้เกิดมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัยดอกเบี้ยต่ำ  ภายในวงเงินจำนวนไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการประกันสังคมได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ให้ดำเนิน "โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567”  สามารถขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 1.59 ต่อปี คงที่เป็นระยะเวลา 5 ปี และในปีที่ 6 – 8 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MRR (Minimum Retail Rate) – 2 ต่อปี และตั้งแต่ปีที่ 9 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 0.5 ต่อปี โดยผู้ประกันตนจะได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไม่เกินรายละ 2,000,000 บาท

          ผมเชื่อมั่นว่า โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนนี้ จะสามารถช่วยเหลือให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของตนเอง และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ประกันตนได้อย่างแท้จริง "นายพิพัฒน์" กล่าวท้าย


 
          ด้าน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมและธนาคารอาคารสงเคราะห์มีเป้าหมายร่วมกันที่จะช่วยเหลือให้ผู้ประกันตน สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ภายในวงเงินจำนวนไม่เกิน 10,000 ล้านบาท โดยโครงการนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 สามารถขอสินเชื่อได้ 3 วัตถุประสงค์ ได้แก่ 1.เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย 2.เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัย และ 3.เพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างที่อยู่อาศัย แต่ไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อ Refinance ได้ โดยกำหนดสัดส่วนวงเงินสินเชื่อสำหรับผู้ประกันตน จำแนกตามจังหวัดที่ผู้ประกันตนมีชื่ออยู่ในฐานทะเบียน

          ผู้ประกันตนที่สนใจสามารถขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนได้จาก Application SSO Plus ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และสามารถยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ตามวันที่ระบุในหนังสือรับรอง พร้อมกับเอกสารประกอบการยื่นขอสินเชื่อตามที่ธนาคารกำหนด สำหรับผู้ประกันตนที่ได้รับหนังสือรับรองเป็นคิวสำรอง สามารถตรวจสอบการเรียกคิวได้ตามช่องทางที่แจ้งในหนังสือรับรอง และยื่นขอสินเชื่อตามช่วงวันที่ประกาศแจ้ง ทั้งนี้ การพิจารณาวงเงินสินเชื่อ เป็นไปตามระเบียบของธนาคาร โดยโครงการนี้จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือจนครบวงเงินที่ได้รับอนุมัติโครงการ  

        ด้านนายกมลภพ วีระพละ  กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ปี 2565 ธอส. ร่วมมือกับ ประกันสังคม ในการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ภายใต้กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท ปรากฏว่ามีผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เข้าร่วมโครงการกว่า 25,300 คน สำหรับโครงการล่าสุด ได้ขยายครอบคลุมผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ขอสินเชื่อภายใต้วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยปีแรก 1.59 เปอร์เซ็นต์ ปีที่ 6-8 เท่ากับ MRR -2 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี และปีที่ 9 จนถึงตลอดอายุสัญญาเท่ากับ MRR -0.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเงินงวดเพียง 3,400 บาท สำหรับวงเงินกู้ส่วนที่เกิน 2 ล้านบาท สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยผลิต ภัณฑ์อื่นของธนาคารได้ ทั้งนี้ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกันตน สามารถมีบ้านเป็นของตัวเองเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ราย


         สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ ทั้ง 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขาที่ท่านสะดวก หรือ โทรสายด่วน 1506 ติดต่อสอบถามได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th