จากกรณี ปรากฏภาพป้ายโฆษณา ย่านห้วยขวาง ประกาศขายพาสปอร์ตเป็นภาษาจีน แปลความโดยสรุปว่า ขายพาสปอร์ตสัญชาติ วูนูอาตู กัมพูชา อินโดนีเซีย และ ตุรกี อย่างโจ่งแจ้ง เผยแพร่ในโซเซียลต่างๆ ตามที่
ข่าวเสนอไปแล้วนั้น
วันที่ 22 ก.ค.2567 ที่ บก.ตม.2 พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 โฆษก สตม. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวมีข้อพิจารณาดังนี้ คือ 1. การซื้อขายหนังสือเดินทางทั้ง 4 สัญชาติ ทำได้หรือไม่ ผิดกฏหมายไทยหรือไม่ ?
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า หนังสือเดินทาง คือเอกสารรับรองการมีตัวตนในสัญชาตินั้นๆ ซึ่ง บุคคลนั้น ต้องได้เป็น บุคคลที่เป็น citizen ของชาตินั้นๆก่อน ดังนั้น ในกรณีนี้ ต้องดูว่า รัฐบาลทั้ง 4 สัญชาติ ยินยอมให้บุคคลต่างชาติใช้สัญชาติของประเทศตัวเองหรือไม่ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของประเทศนั้นๆ เราคงไม่สามารถชี้แจงแทนประเทศนั้นๆได้ และการซื้อขายหนังสือเดินทางตามที่กล่าวอ้าง ก็ต้องหมายถึง การซื้อสัญชาตินั้นด้วย จึงจะออกหนังสือเดินทางชาตินั้นๆได้ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของรัฐบาลชาติดังกล่าวอีก ว่า สามารถอนุญาตให้ซื้อขายได้จริงหรือไม่ ?
2. การโฆษณาเช่นนี้ ผิดกฏหมายหรือไม่ ?
ประเด็นนี้ ต้องดูว่า การโฆษณานี้นั้น เข้าลักษณะหลอกลวงหรือไม่ เช่น พอมีลูกค้าจ่ายเงินแล้ว แต่ไม่มีการรับบุคคลนั้นเป็น citizen หรือ ไม่สามารถทำหนังสือเดินทางให้ได้จริง ก็อาจเข้าข่ายการโฆษณาข้อความอันเป็นเท็จ และฉ้อโกงตามแต่พฤติกรรมที่ปรากฏ ซึ่งต้องมีผู้เสียหายมาแจ้งความ หรือ กรณีออกหนังสือเดินทางปลอมให้ ก็เข้าข่ายปลอมแปลงเอกสาร ฯ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดต้องดูตามข้อเท็จจริง ส่วนการขึ้นป้ายสาธารณะนั้น เป็นกฏหมายที่มีหน่วยงาน เขตพื้นที่ที่รับผิดชอบโดยตรง กำกับควบคุมดูแลและอนุญาตติดตั้ง ต้องให้หน่วยงานนั้นชี้แจงในรายละเอียดต่อไป
อย่างไรก็ดี การเผยแพร่จำหน่ายหนังสือเดินทาง ลักษณะดังกล่าว มีข้อสงสัยว่า บุคคลที่ต้องการซื้อหนังสือเดินทางสัญชาติอื่น ทั้งที่ตนมีสัญชาติอยู่แล้ว มีเจตนาอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้มอยหมายฝ่ายสืบสวนทำการตรวจสอบกับ สถานกงสุล และ สถานฑูตทั้ง 4 สัญชาติดังกล่าว ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อขยายผลต่อไป หากพบว่า มีเจตนาที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทำผิดกฏหมาย จะได้ดำเนินการตามกฏหมายต่อ