วันนี้ผู้สื่อได้ได้เดินทางพบพบกับคุณโอ ผู้สื่อข่าวพิเศษ ที่ถูกหนุ่ม ฉายา" สายเต๊าะ" ปัดมือถือ และบุกเข้ามาทำร้ายใน สน.ดอนเมือง เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยคุณโอ ผู้สื่อข่าวพิเศษ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากที่เรามาทำข่าวตัวเขาเมื่อช่วงเช้า ที่เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวคุณหนุ่ม ที่ สน. ดอนเมือง ซึ่งก็ไม่มีอะไรและก่อนจะพาไปพบพนักงานสอบสอบ เราได้สอบถามถึงเรื้องราวที่ทำให้ถูกจับเมื่อเช้า เขาก็ได้พูดขึ้นมาว่า ถ้าถามอีกคำจะตบ แต่จังหวะนั้นเราไม่คิดว่าเค้าจะตบ เลยไม่ได้ระวังตัวทำให้โทรศัพท์หลุดมือแต่ไม่ตกพื้น ตอนนั้นเราก็เราได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็ทำงานตามปกติ มีการตามไปสัมภาษณ์ที่บ้านพร้อมน้องๆสื่ออีกหลายช่อง จนเสร็จงาน

แต่เรายังไม่ได้กลับบ้านเพราะต้องรอสัมภาษณ์กับผู้เสียหายและลูกบ้านที่จะมาแจ้งความที่ สน. กระทั่งช่วงประมาณ 1 ทุ่ม เห็นคุณหนุ่ม เดินเข้ามาใน สน. ด้วยความที่เราไม่ได้มีอะไรกันกับเขาก็เลยทักเขามาทำอะไรอีก เค้าก็บอกว่าเค้าจะมาเอามีดหมอจากตำรวจที่ยึดไว้ แล้วเดินไปหาพนักงานสอบสวน เราก็ยังบอกว่าพนักงานสอบสวนไม่อยู่แล้วออกเวรไปแล้ว จากนั้นเขาก็เดินมาหาเราที่โต๊ะที่เรานั่งประจำ ซึ่งตอนนั้นก็มีผู้เสียหายแล้วก็คนในหมู่บ้านนั่งคุยกับเราอยู่ แล้วพูดกับเราเกี่ยวกับที่เราถ่ายเขาเมื่อเช้านี้ ที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วลักษณะชื่นชมภาพที่ออกไปอะไรประมาณนั้นแล้วเขาก็เดินทางกลับไป

กระทั่งเวลาประมาณซัก 3 ทุ่ม เศษก็เห็นเค้าขับรถกลับมาที่ สน.อีกครั้ง แต่ตอนนั้นคือไม่มีใครอยู่แล้วเหลือเรานั่งอยู่คนเดียว อีกห้องมีพนักงานสอบสวนที่กำลังทำงานอยู่ 2 นาย รับแจ้งความให้ประชาชนอยู่ จากนั้นเดินมาหาเรา แต่ตอนแรกไม่ได้มีการด่าทอพูดคุยกันตามปกติ สอบถามเราทำงานที่ไหน ส่งที่ไหนบ้าง เราก็ได้ตอบไปว่าเราเป็นผู้สื่อข่าวพิเศษส่งหลายช่อง แล้วเค้าก็ได้ถามถึงเรื่องทำไมเรายังไม่กลับ เราตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไร ผมไม่รู้จะรีบไปไหนออกเวรแล้ว และก็เป็นคนดอนเมืองไม่ได้รีบกลับ ฝนข้างนอกมันตกกลับไปก็เปียก

จู่ๆ เค้าก็พูดถึงเรื่องคลิปที่ไปออกสื่อเมื่อเมื่อกลางวันอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้มาลักษณะว่าเรามีการไปตัดต่อคลิปวิดีโอไปทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง ไปทำให้เขาเสียหาย ซึ่งเราก็อธิบายให้เค้าฟังว่า เราได้ส่งข้อมูลทั้งหมดเข้าส่วนกลางของสถานีโทรทัศน์แต่ละที่  เพื่อให้เขาไป้ลือกใช้แล้วก็ไปตัดต่อเอง ซึ่งเขาก็ไม่ฟังกลับจะแจ้งความดำเนินคดีเรา

หลังจากที่แต่ก็เดินเข้าไปได้แป๊บเดียวก็เดินออกมาแล้วก็เดินไปที่รถไปหยิบ iPad ออกมาถ่ายคลิปวิดีโอตัวเราที่นั่งอยู่ ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกว่าไม่ปลอดภัย เลยพยายามที่จะนั่งให้เก้าอี้มันห่างตัวเขาออกมา ตามที่ปรากฏในคลิป เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทำอะไร

จะเกิดจากเราแล้วส่วนหนึ่งก็มีการถ่ายคลิปแล้ว เราก็บอกเขาว่าคือพี่มาถ่ายอย่างนี้ไม่ได้นะ เค้าก็บอกว่าทำไมจะถ่ายไม่ได้ทีมึงถ่ายกูล่ะ เราก็บอกว่าตอนนั้นผมถ่ายพี่ผมทำหน้าที่ แต่ตอนนี้ผมเป็นประชาชนทั่วไป ผมไม่ได้ทำงานแล้ว มาถ่ายแบบนี้ไม่ได้ผมไม่อนุญาตนะครับเขาก็โวยวายขึ้นมา บอกมีการข่มขู่ จะไปหาเราที่บ้าน เพราะรู้ที่อยู่บ้านเราแล้ว ซึ่งตอนนั้นเราไม่คิดว่าเค้าจะเอาสิ่งที่เค้าคุยก่อนหน้านี้มาข่มขู่ ซึ่งเราก็รู้สึกไม่ปลอดภัยเลยลุกขึ้นเดินหนี และยกโทรศัพท์มาแนบ ที่หูให้เหมือนกับเราคุยอยู่ แต่เค้าก็ยังถ่ายคลิปวิดีโอเดินตามเราอยู่ตลอดเวลา

ตอนนั้นคิดว่าถ้าเกิดเรายังประจัญหน้าอยู่กับเขาก็คงจะไม่จบ เลยตัดสินใจเดินมาจุดที่ใกล้กล้องแล้วหันหลังมองไปที่ประตูกระจกของห้องพนักงานสอบสวน ที่สามารถสะท้อนมองเห็นว่าใครมายืนอยู่ข้างหลังหลังเราได้ก่อนจะปรากฏตามคลิป ซึ่งโดนกระเป๋าคาดเอวที่เราใช้ใส่อุปกรณ์การทำงานไว้ และถูกข้อศอกแขนซ้าย จากนั้นเราก็หลังใช้ท่อนแขนค้ำไปที่หน้าอก เพื่อไม่ให้เค้าทำอะไรเราอีก แล้วเราก็เดินหนีหลีกเลี่ยงที่จะไม่คุยแล้วเขาก็เลยเดินทางกลับ

หลักเกิดเหตุเรามองว่าเราเริ่มมีความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะที่ผ่านมาเขามีการลงภาพอาวุธต่างๆในซเชียล ทำให้เราหวาดกลัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น เรามองถึงความไม่ปลอดภัยของครอบครัว พ่อแม่ ลูก หลาน ที่อยู่ที่บ้าน เพราะเค้าขู่ว่าเค้าจะไปหาที่บ้านเรา เลยตัดสินใจที่จะแจ้งความดำเนินคดีที่มาข่มขู่เรา รวมถึงคลิปวิดีโอที่เค้าถ่ายไว้เราไม่รู้ว่าเค้าจะเอาไปทำอะไร

ซึ่งเราก็ลงบันทึกไว้หากมีการทำอะไรที่ไม่ดี ไปบิดเบือนความจริงนำไปทำให้เราเสียหาย นำไปทำให้สถานีโทรทัศน์ที่เราทำงานให้เสียหาย อันนี้ก็คงจะต้องใช้สิทธิ์ในการแจ้งความดำเนินคดีในเรื่อง PDPA พรบ.คอมด้วย ส่วนเรื่องของการทำร้ายร่างกายเรา ส่วนนี้ไม่ติดใจเอาความ เพราะว่ามันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร