เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. 67 น.ส.สุทธญาณ์ ศิริโสภน อายุ 29 ปี ชาวจ.เชียงใหม่ พร้อมกลุ่มผู้เสียหายเกือบ 20 ราย ถูกเต็นท์รถมือสองนำรถหนีไฟแนนซ์มาขาย แต่โอนไม่ได้เพราะเล่มทะเบียนอยู่กับไฟแนนซ์ เข้าขอความช่วยเหลือกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ ซอยรามอินทรา 52/1 

น.ส.สุทธญาณ์ สิริโสภน  ตัวแทนกลุ่มผู่เสียหายกล่าวว่า ตนทำธุรกิจขายรถมือสอง ที่ จ.เชียงใหม่ ก่อนเกิดเหตุตนเห็นโพสต์เฟซบุ๊กของ "สมลักษณ์ เกิดพุด"ในมาร์เก็ตเพลสขายรถมือสองราคาถูกกว่ารถมือสองที่เต็นท์อื่นประมาณ2-4หมื่นบาท เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 67 ตนได้ทำสัญญาซื้อขายรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ส ทะเบียน กพ-4534 ร้อยเอ็ด ราคาคันละ220,000 บาท และรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ ทะเบียน งร-2627 เชียงใหม่ ราคาคันละ 200,000 บาท กับศูนย์จำหน่ายรถมือสอง ย่านประเวศ กทม.  โดยเจ้าของเต็นท์รถอ้างว่าเป็นรถที่ได้ประมูลมาจากไฟแนนซ์ มีเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาส่งมอบเล่มทะเบียนในภายหลังประมาณ 15-30 วัน


เนื่องจากต้องรอเล่มทะเบียน ถ้าเกินกำหนด30วัน จะได้ค่าเสียเวลา10,000 บาท ต่อมาตนติดต่อกับผู้ขายได้อย่างยากลำบากและได้รับการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมา เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายเข้าแจ้งความกับร.ต.ท. กิตติโชติ สุ่มมาตย์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ประเวศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา

น.ส.สุทธญาณ์ สิริโสภน เผยอีกว่า เต้นท์ดังกล่าวดูน่าเชื่อถือมีใบประกอบการตั้งโชว์มีรถโชว์เต็มร้าน มีหน้าร้านมีเซลล์ขาย พอหลังเกิดเหตุติดต่อเซลล์ไม่ได้ สุดท้ายขนของย้ายเต้นท์ห่างออกไปจากเต้นท์แรกไม่มาและยังมีการขายโพสต์เฟซบุ๊กขายรถมือสองตามเดิมโดยไม่สะทกสะท้าน

ทั้งนี้ผู้เสียหายมีทั้งเจ้าของธุรกิจขายรถมือสองซื้อแล้วไปขายต่อรวมทั้งซื้อผู้เสียหายซื้อไปใช้ส่วนตัวรวมที่อยู่ในกลุ่มไลน์ที่ผู้เสียหาย47คน มูลค่าความเสียหาย15-20ล้านบาทผู้เสียหายสูญเงินมากสุดเจ้าของรถมือสอง 2ราย ซื้อรถไปขายรายละ 7คัน รวมมูลค่าความเสียหายรวม47 ราย ทั้งหมด15-20ล้านบาท

ขณะที่น.ส.เครือวัลย์ พูลสิงห์ อายุ 32 ปี ชาวจ.ปทุมธานี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ถูกตุ๋นในลักษณะเดียวกันเมื่อวันที่ 18 พ.ค.67 ซื้อรถโตโยต้า รุ่นแคมรี่ ทะเบียน 4กจ 5051 กรุงเทพมหานคร  ราคา 260,000 บาท ซ้อมไปอีก6-7 หมื่นบาท ในสัญญานัดส่งมอบเล่มรถภายใน 45วัน เมื่อถึงกำหนดตนขอรับเล่มแต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงเรื่อยมาและไม่ได้รับส่งมอบเล่มแต่อย่างใด ทำให้ได้รับความเสียหาย

น.ส.เครือวัลย์กล่าวอีกว่าภายหลังเข้าแจ้งความเข้าพบ พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผกก.สน.ประเวศ ได้ชี้แจงคดีที่เกิดขึ้นว่าส่วนหนึ่งกลุ่มผู้เสียหายชุดแรกกว่า20รายได้รับเงินคืนแล้ว ตนเป็นกลุ่มผู้เสียหายชุด2ประมาณ 47 ราย สอบปากคำหมดแล้ว รวบรวมพยานหลักฐานวันจันทร์ที่ 1 ก.ค.นี้ จะเสนอศาลอาญาพระโขนง ออกหมายจับข้อหาฉ้อโกง

ด้านทนายเดชา กล่าวว่า ฝากไปยังเจ้าของเต็นท์รถดังกล่าว ให้เอาเงินมาคืนผู้เสียหาย เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหา กว่า 50 คนแล้ว ไปแจ้งความแล้ว ถือว่าเป็นคดีใหญ่ เจ้าของเต็นท์รถน่าจะรอดยาก และคาดว่าเร็วๆนี้ สน.ประเวศ จะมีการออกหมายจับ โดยคดีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฉ้อโกงสำหรับการดำเนินการต่อจากนี้คือ ทีมทนายจะมีการเร่งรัด งตำรวจให้ติดตามตัวเจ้าของเต็นท์รถมาดำเนินคดี เพราะถือว่าเป็นภัยสังคมร้ายแรง