“พีระศักดิ์”ชี้โทษประหารชีวิตซื้อขายตำแหน่งต้องเทียบเคียงกม.เดิม-สังคมโลก ค้านรีเซ็ตกกต. หวั่นเกิดปัญหา เชื่อตั้งรางวัลนำจับลดซื้อเสียงได้ วันที่ 17 พ.ย.59 นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่กำหนดบทลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต หากมีการทุจริตซื้อขายตำแหน่ง ว่า กฎหมายของไทยที่บังคับใช้ทันสมัยอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือการบังคับใช้ที่ไม่เคร่งครัด ซึ่งการลงโทษประหารชีวิตในหลายประเทศก็ยกเลิกไปหมดแล้ว ดังนั้นการกำหนดโทษต้องเหมาะสมกับความผิด และระบุข้อเท็จจริง และเทียบเคียงกฎหมายเดิมด้วย อีกทั้งควรให้ศาลใช้ดุลยพินิจว่าผู้กระทำความผิดมีข้อเท็จจริงประกอบอะไรบ้าง ต้องคำนึงถึงสังคมโลกด้วย แม้ว่าการซื้อขายตำแหน่งเป็นความผิดร้ายแรง เพราะเท่ากับเป็นการทำหน้าที่ของตัวเองไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีบทลงโทษทางปกครอง และทางวินัย ที่ไล่ออกจากราชการ ซึ่งถือว่ารุนแรงอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามถึงร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่กำหนดคุณสมบัติซึ่งอาจทำให้กรรมการกกต.บางคนต้องพ้นจากตำแหน่ง นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า เป็นแนวคิดของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่ากกต.ชุดเดิมควรอยู่ต่อหรือไม่ แต่ก็มีบทเฉพาะกาล ส่วนต้องรีเซ็ตกกต.ใหม่หรือไม่ส่วนตัวเห็นว่า ช่วงที่ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ กกต.ก็ทำหน้าที่ได้ดี การเลือกตั้งบางครั้งก็ต้องใช้ประสบการณ์ ถ้ารีเซ็ตใหม่หมดก็อาจเกิดปัญหาได้ ส่วนกรรมการกกต.บางคนต้องพ้นจากตำแหน่งไป ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคุณสมบัติ ที่กรธ.จะร่างออกมา ซึ่งสุดท้ายสนช.ก็จะได้พิจารณา ส่วนการให้รางวัลนำจับผู้ที่พบการทุจริตซื้อสิทธิขายเสียงนั้น นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า น่าจะช่วยลดการซื้อสิทธิขายเสียงได้ เพราะที่ผ่านมา การซื้อเสียงเป็นการใช้เงินล่อใจให้มาใช้สิทธิ ถ้าอาศัยกกต.จังหวัดดำเนินการก็อ้างว่าไม่มีกำลัง ให้ประชาชนไปหาหลักฐานมาเอง ทำให้เกิดช่องว่าง เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นส่วนใหญ่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งค่อนข้างมีอิทธิพล ซึ่งข้อมูลอาจรั่วไหลได้ ดังนั้น การให้รางวัลนำจับก็น่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ส่วนถึงขั้นต้องยุบกกต.จังหวัดหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของกรธ.ที่จะพิจารณาต่อไป แต่ส่วนตัวเห็นว่าควรจะแค่ปรับบทบาทหน้าที่