จังหวะปลดล็อกพันธนาการ เคลียร์รันเวย์สำหรับ “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย ท่ามกลางการถูกจับตาว่า จะกลับบ้านอย่างเท่ๆ ตามรอยพี่ชาย “พี่โทนี่”ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่
ด้วยคดีโรดโชว์สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 วงเงิน 240 ล้านบาท ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “ยิ่งลักษณ์” และพวกรวม 6 คน นั้นเป็นคดีสุดท้ายที่อยู่ในชั้นศาล
โดยล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ยกฟ้องกรณีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า ไม่พบมีเจตนาในการเอื้อประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการดังกล่าว และมีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับ “ยิ่งลักษณ์” ด้วย
ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปีที่แล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษายกฟ้อง “ยิ่งลักษณ์” คดีโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือสมช. ไม่เป็นธรรม เพื่อเปิดทางให้คนใกล้ชิดขึ้นดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งศาลฯ พิพากษายกฟ้อง โดยศาลฯ วินิจฉัยว่ายังไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษและรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยโอนย้าย “ถวิล” เพื่อให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่างลง จึงไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และเพิกถอนหมายจับ “ยิ่งลักษณ์” ด้วยเช่นกัน
แม้ “ถวิล” ที่ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา จะไม่ปล่อยผ่าน โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้ทำเรื่องขอให้อัยการสูงสุด ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฯ ในคดีนี้ก็ตาม
แต่กระนั้น เมื่อคดีต่างๆจบหมดแล้ว แต่เส้นทางของ “ยิ่งลักษณ์” กลับไม่โล่งโปร่งสบายเหมือน “พี่โทนี่”!!
เนื่องจากยังติดเงี่ยงจากคดีจำนำข้าว ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาไปแล้ว โดยตัดสินให้จำคุก “ยิ่งลักษณ์” 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมให้ออกหมายจับ นั่นจึงทำให้มีกระแสข่าวว่า “ทีมกฎหมาย”กำลัง “หาช่อง”ผ่าทางตัน!!
“ฟันธงได้เลยว่า คุณยิ่งลักษณ์กลับประเทศไทย หลังวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ทิ้งช่วงไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียดจนเกินไป และจะไม่ถูกจำคุกแม้แต่วันเดียว แต่จะใช้แนวทางไหนอย่างไรต้องจับตาดูกันต่อไป” เทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ระหว่างการพักโทษ ระบุ
โดย “เทพไท” ให้เหตผลว่า “ยิ่งลักษณ์” น่าจะกลับมาหลังจาก “ทักษิณ” พ้นโทษแล้ว คือหลังวันที่ 22 สิงหาคม 2567 เพราะจะทำให้ “ทักษิณ” มีความคล่องตัว และสะดวกในการประสานงาน สั่งการ และเรียกบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาพบ เพื่อจัดทำกฎระเบียบรองรับ “ยิ่งลักษณ์” จะได้ไม่ตกเป็นเป้าสายตาของสื่อมวลชนและสังคมที่กำลังจับตาอย่างไม่กระพริบ
ทว่า “ตู่”จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน อดีตคนเคยรัก “ทักษิณ” ที่กลายเป็น “ฝ่ายแค้น” กลับมองต่างมุม โดยคาดว่า โอกาสที่ “ยิ่งลักษณ์” จะกลับไทยจะอยู่ช่วงหลังสงกรานต์เป็นต้นไป เพราะต้องอาศัยประโยชน์จากการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายและทั่วไปในวันเฉลิมพระชนมพรรษาเดือนกรกฎาคมนี้ ดังนั้น การประเมินจะกลับหลัง 22 สิงหาคม 2567 นี้ ย่อมไม่ได้ประโยชน์จากการขออภัยโทษด้วย
“จตุพร” ยังประเมินว่า หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้องคดีโรดโชว์ 240 ล้านบาท ถ้า “ยิ่งลักษณ์” มาหลัง 22 สิงหาคมนี้ จะไม่ได้ประโยชน์อภัยโทษทั่วไปในวันเฉลิมพระชนมพรรษาเดือน กรกฎาคมนี้ ดังนั้น “ยิ่งลักษณ์” ยังมีโทษจำคุกในคดีจำนำข้าวอีก 5 ปี จึงควรแต่งตัวเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายก่อนตามแบบฉบับทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชาย โดยอาจได้รับลดโทษเหลือหนึ่งปีเช่นกัน จากนั้นจึงใช้ช่องทางมีโทษต่ำปีเข้าหลักอภัยโทษทั่วไปเพื่อจะได้รับการปล่อยตัวทันที
“ขณะนี้ขึ้นอยู่กับเกมที่ตกลงดีลกันคืออย่างไร และต้องดูจุดเปลี่ยนรัฐบาลด้วย แล้วต้องติดตามการแถลงผลงานรัฐบาลหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กลับจากต่างประเทศ และติดตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเข้า ครม.วันไหน เพราะทุกอย่างสัมพันธ์กันกับการอยู่หรือไปของนายเศรษฐา เพราะถ้าทั้งหมดนี้คือ ดีลที่ตกลงกันไว้”จตุพร ระบุ
กระนั้น เมื่อหันไปดูท่าทีของคนในตระกูลชินวัตร ผ่าน “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ยังไม่มีแผนหรือพูดคุยเรื่องกำหนดวันกลับบ้านแต่อย่างใด ส่วนจะใช้โมเดลเดียวกับ “ทักษิณ” ที่เดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนขอพักโทษหรือไม่ ยังไม่มีการพูดคุยกันในรายละเอียด และเป็นคนละคนกัน คงเหมือนกันไม่ได้
ในข้อเท็จจริง เงื่อนไขและปัจจัยของ “ทักษิณ”กับ “ยิ่งลักษณ์”นั้นแตกต่างไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ หรืออายุ แม้ผู้เป็นพี่ชายนั้นจะปูทางเอาไว้ให้กับน้องสาวแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปดูเซียนกฎหมายอย่าง วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ชี้ช่องเอาไว้กรณี “ยิ่งลักษณ์” ว่า “หนึ่ง-ต้องเข้ามา สอง-มอบตัวเป็นนักโทษแล้วถึงจะถวายฎีกาได้ ถ้ายังไม่รับโทษ ก็ยังไม่สามารถถวายฎีกาได้ และไม่เรียกว่าฎีกา ฎีกา คือสิ่งที่นักโทษเด็ดขาดเป็นผู้ถวายขึ้นไป ส่วนจะโปรดเกล้าฯ หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระมหากรุณาธิคุณ”
กระนั้น แหล่งข่าวในพรรคเพื่อไทย มองว่าแม้จะมีโอกาสกลับมาได้ แต่หากกลับมาตอนนี้ ก็จะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ ด้วยอีกเพียง 4 ปี คดีจำนำข้าวก็จะหมดอายุความแล้ว
ขณะเดียวกันเหนืออื่นใด ก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลง หรือ “ดีล” ที่ว่ากันว่า เดิมบนโต๊ะเจรจานั้น นอกจาก “ทักษิณ” จะได้กลับมาแล้ว ยังมีโปรโมชันสำหรับ “ ยิ่งลักษณ์” ด้วย แต่จุดพลิกผันมันมาจากการที่พรรคเพื่อไทยพ่ายให้กับพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม
ณ จุดนี้ ชะตากรรมของ “ยิ่งลักษณ์” จะรอสถานการณ์ หรือกลับมาเพื่อท้าทาย