ช็อกโลก หักปากกาเซียน เบียดโพลล์ทุกสำนักตกขอบไปเลย สำหรับผลการชิงชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง "นายโดนัลด์ ทรัมป์" ตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ผู้ไม่มีประสบการณ์การเมืองอะไรเลย แต่สามารถหักด่านขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคได้นี่ก็เรียกว่าช็อกแล้ว กับอีกด้านคือ "นางฮิลลารี คลินตัน" อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา และยังเป็นอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ซึ่งต้องบอกว่า ถ้าวัดกันเฉพาะเรื่องภูมิการเมือง ฝ่ายหลังคงน็อกตั้งแต่ 3 หมัดแรก ก็เลยไม่แปลกที่ก่อนการลงคะแนน โพลล์ทุกสำนักจะชี้ไปที่ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ ว่าสหรัฐฯ จะมีประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ แม้ว่านางคลินตันจะเจอมรสุมถูกตรวจสอบกรณีการใช้อีเมล์ส่วนตัวในระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่สุดท้ายสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือเอฟบีไอก็ได้ออกมาบอกว่า ทุกอย่างเคลียร์ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทำให้โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง มีการฟันว่าแคนดิเดตจากเดโมแครตจะมีโอกาสชนะถึงกว่า 90% ทว่าอะไรที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว ซ้ำรอยเบรกซิต ของอังกฤษมั้ยหล่ะ ที่ตอนนั้นบอกว่าเอาอยู่แน่ ไม่แยกจากสหภาพยุโรป หรืออียู แต่นับไปนับมาเบรกแตก เอาไม่อยู่เสียนั่น คราวนี้ก็เช่นกัน อเมริกันชนได้ปรบมือต้อนรับว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ทั้งน้ำตา (แห่งความดีใจ หรือเสียใจอันนี้ก็แล้วแต่บุคคล) ที่ชื่อว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" กันแล้ว ทรัมป์บอกว่า จะทำสหรัฐฯ ให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง (MAKE AMERICA GREAT AGAIN) ที่ขายในระหว่างหาเสียง อาทิ นโยบายผู้อพยพที่บอกว่าไม่เอาแล้วพวกที่มาบ่อนทำลายสังคมอเมริกันต้องไล่ออกไปให้หมด จะสร้างกำแพงกั้นพรมแดนกับเม็กซิโกด้วย บอกจะปฏิรูปวอชิงตันจากปัญหาสารพันคอร์รัปชันและการเอื้อประโยชน์ ส่วนการค้าก็ต่อต้านทีพีพีหัวชนฝา เรียกว่างานนี้มีพังไปข้างหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้สุดท้ายใครจะพัง เพราะยังเร็วเกินไปจะประเมิน ก็ยังไม่เข้ามา ยังไม่เริ่มทำงาน ก็เลยไม่รู้จะว่าจะทำจริงอย่างที่ปากว่าได้ขนาดไหน แต่วันนี้ เราจะมาโฟกัสอีกตำแหน่งที่คนให้ความสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ "สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง" ที่ต้องบอกว่าเป็นเหมือนหน้าตาของประเทศ เพราะ 8 ปีที่ผ่านมา "มิเชลล์ โอบามา" เธอทำมาตรฐานไว้สูงปรี๊ด ไม่รู้จะสร้างความหนักอกหนักใจให้ว่าที่คนใหม่อย่าง "เมลาเนีย ทรัมป์" หรือไม่ แต่ก่อนที่จะรู้กันว่า สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสมัยหน้าจะพังไม่พัง วันนี้ทุกคนล้วนยอมรับเป็นเสียงเดียวว่าเธอช่าง "ปัง" เหลือเกิน กระนั้นก็มีข้อมูลเกี่ยวกับเธอก่อนหน้านี้น้อยมาก ทว่าพอสปอตไลต์ส่งมายังตระกูลทรัมป์ วันนี้เราก็เลยจะได้มาทำความรู้จักกับเธอกัน เมลาเนีย ทรัมป์ (ซ้าย) มิเชลล์ โอบามา (ขวา) "เมลาเนีย ทรัมป์" ปัจจุบันอายุ 46 ปี เธอเกิดในยูโกสลาเวีย ประเทศในยุโรปตะวันออก ปัจจุบันคือสโลเวเนีย ทำให้เธอไม่ได้จะเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เคยมีผลงานภาพนู๊ดออกสู่สายตาสาธารณชน แต่ยังเป็นคนเดียวที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินคอมมิวนิสต์ และจะเป็นภริยาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำเนิดนอกประเทศในรอบเกือบ 200 ปี หลังจากนางลุยซา อดัมส์ ภริยาชาวอังกฤษของนายจอห์น ควินซี อดัมส์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 6 เมลาเนียไม่ได้สวย แต่ไร้สมอง เธอพูดได้ถึง 5 ภาษาคือ สโลเวียเนีย ฝรั่งเศส เซอร์เบีย เยอรมนี และอังกฤษ บิดาของเธอเป็นชาวออสเตรียชื่อว่า วิกเตอร์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ และเป็นตัวแทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซด์ ส่วนมารดาชาวสโลเวเนียชื่ออมาลิจา ทำงานมาหลายอย่างตั้งแต่พนักงานในโรงงานเย็บผ้า แฟชันเซเนอร์ จนถึงงานบัญชี "แม่ของฉันอยู่ในธุรกิจแฟชัน ฉันอายุได้ 5 ขวบ ตอนเดินแคตวอล์คครั้งแรก และเดินเป็นอาชีพครั้งแรกตอนอายุ 16" เธอให้สัมภาษณ์ไว้หลายปีก่อนหน้านี้ คำบอกเล่าของคนที่รู้จักเมลาเนียส่วนหนึ่งคือ เธอเป็นคนที่เงียบมากๆ เป็นผู้หญิงผอม และไม่มีสัญญาณของความปรารถนาที่จะเป็นนางแบบเลย เธอเหมือนพวกหนอนหนังสือ ทำให้แปลกใจมากที่เธอกลายมาเป็นคนสวยระดับโลก เมลาเนียในวัยทีนศึกษาด้านสภาปัตยกรรม และการออกแบบที่มหาวิทยาลัยลุบจานา ในสโลเวเนีย ก่อนที่ต่อมาจะได้เดินทางไปมิลาน ซึ่งที่นั่นเองเธอได้เซ็นสัญญากับเอเจนซี ในระหว่างที่อยู่ที่มิลาน เธอเปลี่ยนนามสกุลของเธอให้สะกดแบบภาษาเยอรมันมากขึ้นจาก Knavs เป็น Knauss และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่สามีพันล้านในอนาคต เปาโล แซมโปลลี ผู้ก่อตั้ง ไอดี โมเดล แมนเนจเมนต์ ซึ่งถือเป็นมติรในช่วงแรกๆ ของเมลาเนียในขณะที่เริ่มงานนนางแบบ เป็นคนชวนเธอมาเข้าเอเจนซีของเขาในสหรัฐฯ ทำให้เมลาเนียได้เดินทางมานิวยอร์ก ในปี 2539 ด้วยวรีซ่าทำงาน จากนั้นเธอก็มีผลงานปรากฏบนปกนิตรสารหลายฉบับในนิวยอร์ก รวมถึงโว๊ค ฉบับอิตาลี บาซาร์ ในบัลแกเรีย และจีคิว ในอังกฤษ โชคชะตานำเธอมาให้ได้พบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในวัย 52 ปี ในงานปาร์ตี้ที่คลับคิต แคต ระหว่างสัปดาห์แฟชั่นวีก ในนิวยอร์ก เมื่อปี 2541 อิดิธ มอลนาร์ เพื่อนสนิทของเธอตอนนั้นเล่าว่า เธอไม่สนใจเขาเลย ไม่แยแสเลยสักนิดด้วยซ้ำ โดยเธอพูดเกี่ยวกับทรัมป์ว่า "เขาอยู่ที่นี่กับผู้หญิง ฉันไม่มีทางให้เบอร์โทรกับเขาแน่ๆ ไม่ต้องแม้แต่จะคิดเลย" อย่างไรก็ตาม เป็นฝ่ายมหาเศรษฐีที่พ่ายเสน่ห์ ในเมื่อเธอไม่ยอมให้เบอร์โทรศัพท์ เขาเลยเป็นฝ่ายให้เบอร์ของตัวเองกับเธอเองทั้งเบอร์ที่ทำงาน และเบอร์โทรที่บ้าน ซึ่งภายหลังเมลาเนียได้โทรติดต่อเขากลับไป หลังจากที่เธอกลับจากทริปถ่ายแบบ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มออกเดตกัน หลังจากการล่มสลายของชีวิตการแต่งงานครั้งที่ 2 ของทรัมป์ ในที่สุดความรักก็สุกงอม ทั้งคู่เข้าพิธีวิวาห์กันในปี 2548 ที่มาร์ อา ลาโก อสังหาริมทรัพย์ของทรัมป์ ในฟลอริดาท่ามกลางบรรดาแขกวีไอพี ซึ่งในนั้นมีนายบิลล์ และนางฮิลลารี คลินตันรวมอยู่ด้วย นิตยสารจีคิว รายงานว่าชุดแต่งงานที่เธอสวมเป็นแบรนด์ดิออร์ ราคาถึง 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งใช้เวลาตัดเย็บนานถึง 550 ชั่วโมง ขณะที่ แหวนแต่งงานเพชร 12 กะรัต ราคาสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หนึ่งปีต่อมา ทั้งคู่ก็มีโซ่ทองคล้องใจ เมื่อบาร์รอน ทรัมป์ ถือกำเนิดขึ้น ปัจจุบันลูกชายคนเล็กของว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ อายุ 10 ปีแล้ว ซึ่งเมลาเนียเรียกเขาว่า "ลิตเติล โดนัลด์" เพราะความที่เขาชอบใส่สูทผูกไทด์เหมือนผู้เป็นบิดา พูดถึงสินทรัพย์ของเมลาเนีย ในช่วงต้นๆ ที่เดตกับทรัมป์ ตอนนั้นอาชีพนางแบบของเธอเรียกว่าได้ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธคำครหาที่สื่อประโคมข่าวว่าเธอเป็น "นักขุดทอง" จ้องที่สมบัติของฝ่ายชายมากกว่า "บางทีพวกสื่อก็ใจแคบ แต่ฉันคิดว่า คุณไม่สามารถอยู่กับใครก็ตามที่คุณไม่ได้รักได้หรอก ถ้าเขาไม่ใช่คนที่ถูกใจอ่านะ" หลังแต่งงานกับทรัมป์ เมลาเนียก็ทำธุรกิจเครื่องประดับ และนาฬิกาเป็นของตัวเอง ซึ่งเธอมีส่วนในการออกแบบผลิตภัณฑ์เหล่านี้ด้วยตัวเองด้วย ตามรายงานที่ปรากฏใน NetWorth.com ปัจจุบันเธอมีสินทรัพย์ประมาณ 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภาพเพนต์เฮาส์สุดหรู บนทรัมป์ ทาวเวอร์ที่เธออาศัยอยู่กับสามี และลูกชาย ทำให้ผู้ตามทวิตเตอร์กว่า 42,400 คน นิยามว่านี่เป็นไลฟ์สไตล์แบบแมนฮัตตันสุดหรูหรา มาดูเรื่องจุดยินของเธอต่อนโยบายของสามี ในฐานะที่เธอก็เป็นผู้อพยพ แต่ตัวเธอเองนั้นสนับสนุนอย่างยิ่งในเรื่องนี้ หลังจากตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันกล่าวพาดพิงผู้อพยพชาวเม็กซิกันว่าเป็นอาชญากร คุณแม่ลูกหนึ่งรายนี้ได้ตอบโต้นักวิจารณ์ว่า ทรัมป์กำลังพูดถึงเฉพาะคนที่อพยพมาโดยผิดกฎหมาย โดยที่ตัวเธอนั้นไม่เคยทำผิดกฎหมาย เธออาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ด้วยวีซา "ฉันปฏิบัติตามกฎหมาย ฉันไม่เคยคิดที่จะอาศัยอยู่โดยปราศจากเอกสารอนุญาต" เมลาเนีย และบุตรชาย ในปี 2554 ที่ทรัมป์กดดันประธานาธิบดีบารัก โอบามา ให้เปิดเผยสูติบัตร เมลาเนียซึ่งได้สัญชาติสหรัฐฯ ในปี 2549 ก็ได้ออกมาสนับสนุนสามีผ่านการให้สัมภาษณ์ว่า "มีอยู่ทางหนึ่ง มันง่ายมากๆ เลย ถ้าประธานาธิบดีโอบามาจะแค่เปิดเผยออกมาก มันไม่ใช่แค่โดนัลด์เท่านั้นที่อยากเห็น แต่ทั้งประชาชนอเมริกันที่โหวตให้เขา และไม่ได้โหวตให้เขาต่างก็อยากเห็น" และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราได้รู้จักเมลาเนีย ทรัมป์ ที่เป็นนางแบบ เป็นภรรยามหาเศรษฐี เป็นภรรยาผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากนั้นต่อไปเชื่อว่า โลกจะจับตามองเธอในอีกบทบาทที่สคำยอย่างยิ่งก็คือ "สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง" แห่งทำเนียบขาว