เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 26 ก.ค.66 ที่ลานสัญญาธรรมศักดิ์ (หน้าคณะนิติศาสตร์) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชนได้ร่วมกันจัดกิจกรรม THE RETURN OF THAMMASAT #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน โดยบรรยากาศโดยรอบ นักศึกษาได้เขียนป้ายเป็นข้อความต่างๆ เช่น 250>14 ล้าน ,มีอะไรอีกไหมที่ลืมหลอก , เรื่อง 112 ก็แค่ข้ออ้าง, กฎหมา(ย)ชายแก่เขียน ,นิติปัญญาชนคนเท่ากัน ฯลฯ คิดไว้โดยรอบบริเวณที่จัดกิจกรรม โดยมีนักศึกษาและประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 200คน และมีนักศึกษา ประชาชน พร้อมทั้ง ตัวแทนกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมขึ้นมาปราศรัยบนเวที ซึ่งเนื้อหาจะเน้นไปทางสว.และให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจับมือกันให้แน่น และมีกิจกรรมเป่าเค้กวันเกิดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ทักษิณ ชินวัตร และได้นำหน้าบุคคลเกี่ยวข้องต่างๆมาติดที่หุ่นผ้าแล้วไปไว้ในโลงศพพร้อมกับตอกฝาโลง และมีการเผาพริก เผาเกลือแช่งด้วย
ด้านนางสาวทอไหมทอง พงศ์จิระนิธิ สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กล่าวว่าในฐานะที่เราเป็นภาคประชาชนเราก็สู้ทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้เราไม่ได้มีอาวุธ ซึ่งการชุมนุมก็เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพที่เราจะทำได้มีแค่สองมือเปล่าที่จะตีแพร่ประเด็นต่างๆ การที่เราจัดชุมนุมวันนี้ไม่ใช้ว่ารัฐบาลจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือเพื่อไทยซึ่งการชุมนุมนั้นเชื่อว่าประชาชนจะสนใจประเด็นต่างๆทางการเมืองที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าขั้วอำนาจเก่ากำลังถูกจับตามองจากประชาชนอยู่ อย่างน้อยต้องมีซักคนที่คิดได้และอาจจะมีเรื่องของแรงกดดันทางการเมืองภายในซึ่งในฐานะนักศึกษาเองก็ยังเชื่อว่าการจัดการชุมนุมจะมีนักการเมืองที่ดีที่สนับสนุนประชาธิปไตยอยู่
ในการการจัดชุมนุมครั้งนี้มีแถลงการนับเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ตั้งแต่การชุมนุมธรรมศาสตร์จะไม่ทนในวันที่ 10 สิงหาคม พ.. 2563 เพดานทางการเมืองของประเทศไทย ณ ช่วงเวลานั้นได้ถูกท้าทายอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ท้องถนนเนืองแม่นไปด้วยนักศึกษา ประชาชนรวมถึงผู้คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมือง และเศรษฐกิจที่มีปัญหาในประเทศของเราแม้การต่อสู้ในห้วงเวลาดังกล่าวจะไม่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมได้ แต่การกระทำดังกล่าวได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้นอีกครั้งและจะไม่มีวันดับสูญไปการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป ฟ.ศ. 2566 นับเป็นความหวังต่อการเปลี่ยนแปลงในระบบแต่กลับเป็นอีกครั้งที่ความต้องการของประชาชนได้ถูกบดขยี้ เพราะแม้ฉันทามติของประชาชนจะเด่นชัดและสะท้อนผ่านคูหาเลือกตั้งอย่างไร แต่ก็เหมือนกับไม่มีความหมายใด ๆ ที่จะทำให้ผู้มีอำนาจที่แท้จริงในประเทศแห่งนี้รู้สึกรู้สาเลยแม้แต่น้อย กระบวนการตุลาการภิวัตน์ทำให้อำนาจของศาล และองค์กรอิสระมีสิทธิเด็ดขาดในการชี้นำความเป็นไปของการเมืองสู่หนทางที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับการทำหน้าที่ของวุฒิสภาในการเดินหน้าขัดขวางการก้าวเดินของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย
โดยทำตามหน้าที่ได้อย่างขยันชันแข็งไม่มียางอายนับตั้งแต่ถูกแต่งตั้งขึ้นโดยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งหมดนับว่าเป็นความรู้สึกที่ทำให้ผู้คนในสังคมเกิดความคับแค้นใจพร้อมกับตั้งคำถามว่าประเทศไทยเป็นของใครกันวิกฤตการณ์ภายหลังการเลือกตั้งที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากความเห็นชอบของประชาชนส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น นับเป็นผลลัพธ์อันเป็นรูปธรรมที่เกิดจากการรัฐประหารและการเข้ามามีอิทธิพลทางการเมืองของเหล่าขุนศึกศักดินาเหนือการเมืองไทยในวันนี้พวกเราประชาชน ขอเรียกร้องไปถึงผู้มีอำนาจ และพรรคการเมืองที่กำลังมุ่งหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลในนามของประชาชน ให้พึ่งระลึกถึงอนาคตของประเทศชาติ และความสง่างามในวิถีทางประชาธิปไตย ไม่มีประโยชนใด ๆ ที่จะเหนี่ยวรั้งเข็มนาฬิกาไม่ให้หมุนเดินต่อไปข้างหน้า วันนี้พวกเราขอประกาศจุดยืนว่า "ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็จะไม่ยอมแพ้ พวกเราจะต่อสู้ในทุกวิถีทางเพื่อโค่นล้มความยุติธรรมที่เกิดขึ้นภายใต้โครงสร้างทางการเมืองอันบิดเบี้ยวในสังคมไทย พวกเราจะต่อสู้ผ่านคูหาเลือกตั้ง พวกเราจะต่อสู้บนท้องถนน พวกเราจะต่อสู้ตัวยวาจา และความคิด ตามสิทธิ และเสรีภาพที่มนุษย์ทุกคนพึงมีภายใต้กฎกติกาอันเป็นธรรม ทั้งหมดนี้คือจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์กับการต่อสู้ที่ไม่มีวันสูญสลายลงได้ เพราะความอดทนของผู้คนนั้นมีขีดจำกัด ธรรมศาสตร์เราจึงขอยืนตรงและไม่อดทนอีกต่อไป #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน"แล้วพบกันอีกเร็ว ๆ นี้