ที่ห้องประชุมเมืองท่า ศูนย์ราชการ เทศบาลนครแหลมฉบัง ได้จัดให้มีการประชุมปรึกษาหารือ คณะผู้บริหาร และสมาชิกสภาเทศบาลนครแหลมฉบัง ครั้งที่ 4 / 2566 โดยมี นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ ประธานที่ปรึกษาคณะผู้บริหารเทศบาลนครแหลมฉบัง เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วย นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล ผู้ทรงคุณวุฒิ รองปลัดเทศบาล และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมประชุม
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้คณะผู้บริหารและสมาชิกสภาเทศบาลฯ ได้มีโอกาส นำเสนอปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของพี่น้องประชาชนให้ที่ประชุมพิจารณา อันจะนำไปสู่การหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถูกจุด ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ มีประเด็นในวาระอื่นๆ คือเรื่องของการติดตามความคืบหน้าของการยกระดับจาก เทศบาลนครแหลมฉบัง ขึ้นเป็นเมืองพิเศษ
ซึ่งนายบุญเลิศ น้อมศิลป์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลแหลมฉบังในสมัยนั้น ได้เป็นผู้ริเริ่มและผลักดันมาโดยตลอด ซึ่งในสมัยนั้น กระทรวงมหาดไทย จัดให้ เทศบาลตำบลแหลมฉบัง เป็นเทศบาลพิเศษ ควบคู่ไปกับอีสเทิร์นซีบอร์ด แต่แล้วต่อมาเมื่อทางเทศบาลฯ ทำเรื่องขอเป็นเมืองพิเศษ แต่ทางกระทรวงมหาดไทย กลับอนุมัติให้ขยับชั้นขึ้นเป็นเพียงเทศบาลนคร ซึ่งไม่ตรงกับหลักการและคำขอของทางเทศบาลตำบลแหลมฉบัง ในยุคที่นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ เป็นนายก
จึงทำให้ นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ ได้ลาออก และเปิดทางให้ นายกจินดา ถนอมรอด ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน แต่นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ ก็ยังไม่ย่อท้อ นำเสนอผลงานของเทศบาล และติดตามทวงถาม หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการยกระดับแหลมฉบัง ให้เป็นเมืองพิเศษให้ได้
นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ ประธานที่ปรึกษา คณะผู้บริหารเทศบาลนครแหลมฉบัง อดีตนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง กล่าวว่า แต่เดิม เทศบาลนครแหลมฉบัง แห่งนี้ เป็นเทศบาลตำบลแหลมฉบัง เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด และเทศบาลตำบลแหลมฉบังนี้ ขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทย ปกติแล้วเทศบาลตำบลต่างๆ เหล่านี้ จะขึ้นตรงกับทางจังหวัด แต่เทศบาลตำบลแหลมฉบัง ขึ้นตรงกับ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งในปี 2535 ตนเองเป็นนายกเทศมนตรีตำบลแหลมฉบัง ได้ทำเรื่องไปถึงกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอเป็นเมืองพิเศษ แต่ทางกระทรวงมหาดไทย ให้เป็นเทศบาลนครแหลมฉบัง ซึ่งตนเองไม่เอา ทำไมถึงไม่เอาก็เพราะว่า โครงสร้างเดิมนั้น เทศบาลตำบลแหลมฉบัง ถูกกำหนดให้ขึ้นตรงกับ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งก็ผิดแล้ว ความจริงแล้วต้องขึ้นผ่านอำเภอ จังหวัด ไต่ระดับไปตามขั้นตอนแล้วถึงจะไปถึงกระทรวง
แต่โครงสร้างของเทศบาลตำบลแหลมฉบังนี้ เป็นโครงสร้างของเมืองพิเศษมาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว ดูแลพื้นที่อำเภอศรีราชาบางส่วน และอำเภอบางละมุงบางส่วน เป็นลักษณะเหมือนเป็นโครงการรองรับอีสเทิร์นซีบอร์ด และต่อมาทางกระทรวงมหาดไทย ได้เชิญตนเองขึ้นไปพบและพูดคุย โดยทางกระทรวงมหาดไทย ยอมให้ทางเทศบาลตำบลแหลมฉบัง เขยิบขึ้นไปเป็น เทศบาลนครแหลมฉบังเลยข้ามขั้นไปเลย ไม่ต้องเป็นเทศบาลเมือง ถือเป็นลักษณะเหมือนเมืองพิเศษ ตนเองเป็นคนที่มีเอกลักษณ์ ตนเองก็ตอบปฏิเสธไป และผ่องถ่ายให้กับท่านนายกจินดา
ซึ่งโครงสร้างเดิม กระทรวงมหาดไทย เป็นคนเขียนเองว่า ต่อไปต้องเป็นเมืองพิเศษ พอทางเทศบาลตำบลแหลมฉบังทำเรื่องเสนอไป ขอเป็นเมืองพิเศษ ทางกระทรวงมหาดไทย กลับให้เป็นแค่เทศบาลนครแหลมฉบัง จึงปฏิเสธไปอีก ตนเองมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองและก็ไม่ขอรับตำแหน่ง ซึ่งต่อมา นายกจินดา ถนอมรอด ซึ่งเป็นน้องที่มีความขยันและสามารถดูแลทุกข์สุขของพี่น้องชาวแหลมฉบัง ได้อย่างทั่วถึง ก็ภูมิใจแทนประชาชน ด้วยเช่นกัน”
นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง กล่าวว่า เมืองแหลมฉบัง มีความพร้อมที่สุด แหลมฉบังเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศอยู่แหลมฉบัง มีโรงกลั่นน้ำมัน มีโรงงานอุตสาหกรรม มีดิจิทัลปาร์ค ของโครงการ EEC โครงการใหญ่ ที่รัฐบาลกำหนด ก็มาเกิดที่แหลมฉบัง เพราะฉะนั้นพื้นที่ของแหลมฉบัง ถือเป็นเมืองพิเศษ ที่มีความพร้อมในทุกๆด้านในทุกมิติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา เราได้มีการประชุมมีการประสานงานแต่แรกเริ่ม ในการเดินท่อขนาดใหญ่เข้ามาในพื้นที่ ถนนหนทางได้มีการขยับขยาย และได้เพิ่มขึ้นมาอีกหลายเส้น เรียกได้ว่าพื้นที่แหลมฉบังแห่งนี้ มีความพร้อมมากๆ ที่จะเป็นเมืองพิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับในส่วนของพี่น้องประชาชน จะได้อะไรจากการยกระดับขึ้นมาเป็นเมืองพิเศษนั้น ขอบอกได้เลยว่า พี่น้องประชาชนชาวแหลมฉบัง จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องภาษี การจัดเก็บรายได้ก็จะมีมากขึ้น รายได้ในการจัดเก็บภาษีนั้น ก็จะนำมาบำรุงและพัฒนาพื้นที่แหลมฉบัง ให้มีการเจริญเติบโต และมีความเจริญยิ่งๆขึ้นไปอย่างแน่นอน และในเรื่องของการกำกับดูแลในด้านต่างๆ นั้น ก็จะต้องมีความพิเศษมากกว่าที่อื่นๆ
เมืองแหลมฉบังแห่งนี้ ก็ควรที่จะต้องมีกฎหมายพิเศษ เนื่องจากในพื้นที่แหลมฉบัง เป็นแหล่งพื้นที่อุตสาหกรรม มีพื้นที่ปิโตรเครมี มีท่าเรือสากลระดับโลก มีดิจิทัลปาร์ค มีพื้นที่หลากหลาย ที่เมืองแหลมฉบังต้องมีกฎหมายพิเศษขึ้นมารองรับ เพื่อการบริหารจัดการได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด และทางรัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณส่งมาให้กับทางเมืองพิเศษของเราโดยตรงอีกด้วย ซึ่งไม่เหมือนกับทางเทศบาลอื่นๆ และในเรื่องภาษีก็จะได้มากกว่าเทศบาลปกติ เมื่อเราได้มีการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น ก็จะเอามาดูในเรื่องของ สวัสดิการ การบริการทางสาธารณะต่างๆ ที่จะมาทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่อยู่ดี มีความสุข”
รองศาสตราจารย์ ดร.ธัชเฉลิม สุทธิพงษ์ประชา อดีตอนุกรรมาธิการคณะอนุกรรมาธิการการบริหารราชการรูปแบบพิเศษและการกระจายอำนาจ กล่าวว่าทางเทศบาลฯ และท่านบุญเลิศ น้อมศิลป์ ได้นำเอาข้อมูลและผลงานต่างๆ ที่ได้ทำกันมานำเสนอไปแล้ว และได้ผ่านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือได้นำเสนอ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งท่านก็ได้เซ็นและส่งต่อไปที่ คณะรัฐมนตรีแล้ว กระบวนการต่อไปก็คือ ในช่วงนี้รักษาการอยู่ ยังทำอะไรมากไม่ได้ แต่กฎหมายได้เปิดช่องเอาไว้ว่า หลังจากได้รัฐบาลใหม่ภายใน 6 เดือน ร่างกฎหมาย ร่างข้อเสนอของทางสภาเดิม เคยให้อะไรไว้
“มีเวลา 6 เดือน รัฐบาลใหม่ ต้องนำมาปัดฝุ่นพิจารณา ทางเราจึงเสนอเข้าไปว่า ถ้าเป็นไปได้ช่วงนี้ ช่วงหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆเหล่านี้ สะท้อนให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองต่างๆ ได้รับรู้เลยว่า เมืองแหลมฉบังแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ของประเทศ สมควรที่จะถูกยกขึ้นเป็นเมืองพิเศษ หากผู้สมัครหรือพรรคการเมืองที่หาเสียงกันอยู่ในขณะนี้ มีความจริงจัง และ จริงใจ ที่จะช่วยกันผลักดันให้เมืองแหลมฉบัง เป็นเมืองพิเศษขึ้นมาได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก การที่จะยกระดับให้เป็นเมืองพิเศษ มีอำนาจพิเศษ จะสามารถช่วยยกระดับ ความน่าสนใจของ EEC ได้เป็นอย่างดี แต่ทุกวันนี้ EEC ไม่มีบทบาทอะไรเลย ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ” รองศาสตราจารย์ ดร.ธัชเฉลิม กล่าวในที่สุด