นี่ก็ผ่านมากว่า 10 วันแล้ว สำหรับทุกข์แสนสาหัสของปวงชนชาวไทย จากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้เป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่ เปี่ยมด้วยน้ำพระราชหฤทัยอันล้นพ้น ตลอดระยะเวลา 70 ปี ในราชสมบัติ พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้วยความวิริยะอุตสาหะอดทน เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของราษฏร แต่เหนือกว่าการเป็นพระราชาผู้ปกครอง พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก และเทิดทูนยิ่งพระองค์นี้ ยังเปรียบเสมือนพ่อของทุกสรรพชีวิตในแผ่นดิน ไม่ว่าชีวิตนั้นๆ จะใหญ่ เล็ก หรือด้อยค่าในสายตาผู้อื่นสักเพียงใด แต่ในสายพระเนตรพระองค์แล้ว ทุกคนคือลูกที่เท่าเทียมกัน สิ้นร่มเงาไม้ใหญ่ ใจลูกเหมือนจะขาดเสียให้ได้ ยิ้มสยามที่สดใสอันเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก ก็พลันหายไปทันใด แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้คนไทยทุกคนตระหนักไว้ก็คือ "คนที่รักเราไม่เคยจากไปไหน แต่เขาจะอยู่ในหัวใจของเรานั่นเอง" ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติ แม้จะทรงตรากตรำพระวรกายทำงานหนักสักเพียงใด แต่ก็ยังทรงมีรอยแย้มสรวล และพระอารมณ์ขันอยู่เสมอ เพราะรอมยิ้มของพระองค์เป็นเหมือนน้ำทิพย์ชะโลมจิตใจอาณาประชาราษฏร์ให้มีกำลังใจ เช่นกันเมื่อประชาชนยิ้มได้ พ่อของแผ่นดินก็สุขใจ นี่จึงเป็นเหตุผลที่อยากให้คนไทยเรามีรอยยิ้มกลับคืนมาโดยไว เพื่อให้พ่อที่จากไปมองลงมาอย่างมีความสุข แล้วเมื่อใดก็ตามที่เราพร้อม ขอให้ก้าวต่อไป เป็นคนที่ดียิ่งขึ้น เข้มแข็งขึ้น เสียสละให้มากขึ้น ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาประเทศของพ่อ เดินตามรอยเท้าของพ่อ สานต่อปณิธานของพ่อ วันนี้จึงได้นำภาพเรื่องราวรอยยิ้มของพระองค์ที่ได้รับการบันทึกเอาไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนสหรัฐฯ ในปีพ.ศ. 2503 และถูกนำกลับมาบอกกล่าวเล่าต่ออีกครั้งในอีก 50 กว่าปีให้หลัง แต่ก็ยังสร้างความประทับใจ และเรียกรอยยิ้มแก่ผู้ที่ได้อ่านได้ชมได้เป็นอย่างดี ทันทีที่ข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเผยแพร่ออกไป เฟซบุ๊กแฟนเพจดิสนีย์ แอนด์ มอร์ (Disney and more) ของดิสนีย์แลนด์ก็ได้เปลี่ยนภาพปกเป็นรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เสด็จฯ เยือนดิสนีย์แลนด์เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2503 ในระหว่างการเสด็จฯ เยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยมีนายวอลต์ ดิสนีย์ เฝ้าฯ รับเสด็จฯ ซึ่งครั้งนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุมาร และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้โดยเสด็จฯ ด้วย นอกจากนี้ ยังได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับพระองค์ โดยกล่าวถึงการที่ทรงเป็นที่รักของพสกนิกร ตลอดจนพระอัจฉริยภาพรอบด้าน อาทิ การถ่ายภาพ และการดนตรี ซึ่งเมื่อบทความนี้ถูกเผยแพร่ไปก็ปรากฎว่า มีคนกดไลค์ (Like) และกดแบ่งปัน (Share) อย่างมากมาย จนมาถึงบทความเกี่ยวกับพระองค์อีกชิ้นที่เผยแพร่ภายหลัง ทางผู้ดูแลต้องออกมาขอบคุณผู้อ่านคนไทยที่ทำให้โพสต์นี้ทำลายสถิติยอดนิยมสูงสุดตั้งแต่เปิดเฟซบุคแฟนเพจมา ซึ่งตามปกติแล้วแต่ละโพสต์ในเพจจะมีผู้อ่านอยู่ประมาณ 3 - 4 พันคน ทว่า เรื่องราวเกี่ยวในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้นมียอดผู้อ่านมากกว่า 1.4 ล้านในเวลาไม่ถึง 2 วัน มีคนกดถูกใจถึง 9,200 และแชร์ไปแล้วกว่า 6,100 ครั้ง