วันที่ 16 ก.พ.66 นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่าจากข้อมูลศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ กรมควบคุมมลพิษ พบว่าขณะนี้ค่าคุณภาพอากาศในประเทศไทยโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ภาคเหนือ มีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.น่าน จ.แม่ฮ่องสอน จ.พะเยา จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.ตาก จ.พิษณุโลก และ จ.กำแพงเพชร ที่ตรวจวัดค่าคุณภาพอากาศได้ระหว่าง 30-195 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ถึงระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเป็นวงกว้างจากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ 2566 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น กับมีลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางแห่งบริเวณประเทศไทยตอนบน 

จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้สั่งการให้ตั้งหน่วยปฏิบัติการ ฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดเชียงใหม่ ณ สนามบินกองบิน 41 อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเครื่องบินของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ไปประจำการตั้งแต่วันที่ 15-19 กุมภาพันธ์ 2566 รวม 5 วัน ปฏิบัติภารกิจทำฝนเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ บรรเทาปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก 
(Pm 2.5) โดยมีเป้าหมายหลักคือพื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา แม่ฮ่องสอนและจังหวัดตาก โดยจะมีการเน้นการปฏิบัติการทำฝนให้อยู่เฉพาะพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่เสี่ยงเกิดผลกระทบต่อกิจกรรมด้านการเกษตร และพื้นที่เป้าหมายจุดเฝ้าระวังทั้ง 6 ดอย และเขตรอยต่อจังหวัดที่มีการบูรณาการร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 เช่น พื้นที่ป่าดอยสุเทพถึงดอยปุย ดอยหลวงเชียงดาว เขาพระบาท ดอยพระบาท พื้นที่ป่าไม้บริเวณ อ.ฮอดถึง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และ อ.สามเงา จ.ตาก เป็นต้น นอกจากนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้จัดตั้ง หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ และ จ.พิษณุโลก ในภารกิจปฏิบัติการฝนหลวงเมฆเย็นเพื่อยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ โดยใช้เครื่องบินเกษตร ชนิด Super King Air จำนวน 2 ลำ เพื่อปฏิบัติการ โดยนักวิชาการจะติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และวางแผนบินปฏิบัติการฝนหลวงเมฆเย็นเพื่อลดความรุนแรงของการเกิดพายุลูกเห็บในพื้นที่ที่เสี่ยงเกิดความเสียหายต่อประชาชนรวมถึงผลผลิตทางการเกษตรในทันที 

อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะยังคงเฝ้าติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดทุกวัน ซึ่งหากสภาพอากาศเข้าเงื่อนไขจะมีการวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงทันที ทั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน พี่น้องเกษตรกร งดการเผาทุกประเภท เพื่อช่วยกันลดปัญหามลพิษจากหมอกควันและฝุ่นละออง และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกเคหะสถาน และสามารถติดต่อประสานแจ้งข้อมูลและขอฝนหลวงได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100 ต่อ 410 หรือช่องทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, Instagram, Tiktok, Twitter : @drraa_pr