รัฐสภา เดินหน้าถก ร่างพรป.เลือกตั้ง มาตรา24/1  “สมชัย” ชี้ออกแบบเพื่ออุดปัญหาเลือกตั้ง  พบมีสมาชิกแสดงตนเกินองค์ประชุม "เพื่อไทย"  ดิ้นสู้ให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ หวั่นมีคนกดบัตรแทนกัน

วันที่ 10 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมร่วมรัฐสภา ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตัง ส.ส. (ฉบับที่...) พ.ศ.... วาระสอง ต่อเนื่องในมาตรา 24/1  ซึ่งกมธ.ได้เพิ่มขึ้นใหม่ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ  
ทั้งนี้กมธ. เสียงข้างน้อยได้อภิปรายโต้แย้ง อาทินายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา, นายชูศักดิ์ ศิรินิล กมธ. นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา กมธ.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาที่กมธ.เสียงข้างมากเพิ่มเติมเนื้อหา เพราะมองว่าเป็นบทบัญญัติที่เขียนขึ้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 พ.ศ.2564 ซึ่งแก้ไขมาตรา 83 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง , มาตรา 91 ว่าด้วยวิธีคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ และ มาตรา 92 ว่าด้วยการคำนวณส.ส.ในกรณี ที่เขตเลือกตั้งนั้นคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นส.ส. (โหวตโน) ชนะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต และอาจจะขัดต่อหลักการของการเสนอร่างพ.ร.ป.เลือกตั้งที่เสนอให้รัฐสภารับหลักการ โดยนายชูศักดิ์ กล่าวย้ำว่า มาตราที่กมธ.เสียงข้างมาก เสนอต่อที่ประชุมสุ่มเสี่ยงต่อการขัดรัฐธรรมนูญ และส่วนตัวมองว่ายิ่งกว่าสุ่มเสี่ยง

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กมธ.เสียงข้างมาก ยืนยันว่าการเพิ่มมาตราดังกล่าวทำงานด้วยความรอบคอบ และเป็นร่างกฎหมายที่สมบูรณ์มากที่สุด เพราะการเขียนกฎหมายที่สอดคล้องกับการลงมติไปแล้วต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย รวมถึงความสอดคล้องของรัฐธรรมนูญ  และคำนึงถึงการแก้ปัญหาในทางปฏิบัติให้กับ กกต. ที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยระบบเลือกตั้งมีความไม่สมบูรณ์ ซึ่งเนื้อหาที่ปรับเพิ่มใหม่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 เพราะนำคะแนนของพรรคการเมืองที่ได้รวบรวมกันทั้งประเทศ และเป็นสัดส่วนโดยตรงที่สัมพันธ์ เพราะใช้จำนวน 500 คน   ส่วนที่สมาชิกบอกว่า กกต. จะปฏิบัติไม่ได้ และมีความเห็นแย้ง ควรรอให้กกต.ทำความเห็นมายังสภา หรือมองว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ ควรรอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ

“ที่บอกว่าบัตร 2 ใบ ไม่สามารถจัดสรรปันส่วนไม่ได้ เข้าใจผิด เพราะระบบ MMP ของเยอรมันใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และใช้วิธีจัดสรรปันส่วน แต่ออกแบบบัตรเลือกตั้งพิมพ์ในใบเดียว คือ มีเขตและบัญชีรายชื่อ ส่วนข้อกังวลของสมาชิกที่บอกว่าจะทำให้ส.ส.เขตมาก และโอกาสที่พรรคไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ  การออกแบบเลือกตั้งไม่ว่าระบบใดก็แล้วแต่มีดีและเสียและคนได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ แต่ประโยชน์ที่ได้รับกับประเทศชาติและประชาชนส่วนรวมคืออะไร กรณีที่เป็นระบบบัตร 2 ใบนับแบบคู่ขนาน จะเป็นการส่งเสริมการเมืองไทย เกิดระบบพรรคการเมืองใหญ่ 2-3 พรรค จะทำให้เกิดการแข่งขันน้อยลงประชาชนเลือกภายใต้พรรคที่จำกัด  

ส่วนการจัดสรรปันส่วนผสม ทำให้รัฐสภามีพรรคการเมืองหลากหลาย แต่ทำให้เกิดพรรคมาก ไม่เกิดประโยชน์กับเสถียภาพของรัฐบาล กรณีจัดปันส่วนผสม ดูสิ่งที่พึงมี ว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคได้คะแนนเสียงภาพรวมทั้งประเทศเท่าไร จะได้ส.ส.ในสภากี่คนหากได้เขตมาก การได้สมทบจากบัญชีรายชื่อ เป็นธรรมชาติ ดังนั้นรัฐสภาต้องเลือกว่าแนวทางใดจะเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน” นายสมชัย กลาว

จากนั้นนายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วงนายสมชัยและขอคำอธิบายที่ระบุว่า การเลือกตั้งที่พรรคไหนได้เขตเยอะ จะได้บัญชีรายชื่อน้อย เป็นธรรมชาติหรือ หากประชาชนที่ชอบพรรคการเมือง ลงคะแนนเลือกตั้ง 10 ล้านเสียง แต่ไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อเลย ความยุติธรรม ความสมบูรณ์ร่างพ.ร.ป. นี้มีจริงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทำให้บรรยายกาศช่วงดังกล่าวเป็นไปด้วยความสับสน เมื่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ไม่อนุญาตให้ซักถามและอธิบาย รวมถึงจะขอปิดการอภิปราย จนเกิดการประท้วงพาดพิงระหว่าง นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กับ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ที่มีการปะทะคารมจนต้องขอให้ถอนคำพาดพิงและคำที่ไม่เหมาะสม

จากนั้นนายสมชัย ได้ชี้แจงว่า หลังการเลือกตั้งไม่รู้ว่าพรรคใดจะเป็นพรรคขนาดใหญ่หรือพรรคขนาดเล็ก เพราะประชาชนต้องตัดสินใจ ทั้งนี้ในการประชุมสภาฯ ที่ขาดประชุมเยอะ ประชาชนไม่เลือกก็ได้  ดังนั้นกติกาเลือกตั้งตนถือว่ารัฐสภาช่วยออกแบบ เมื่อออกแบบแล้วต้องยอมรับและเดินหน้าสู่กติกาดังกล่าว

หลังจากนั้นเวลา 13.35 น. นายพรเพชร ได้ขอตรวจสอบองค์ประชุมก่อนที่จะลงมติ โดยกดสัญญาณเรียกสมาชิกเข้ามาลงมติ แต่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงใหม่ เพื่อไทย เรียกร้องให้ส่องกล้องไปดูการลงมติอาจจะมีการเสียบบัตรแทนกันปรากฎว่ามีผู้แสดงตนรวม  367 คนแต่ก่อนที่จะลงมตินายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย  ใช้เอกสิทธิ์เสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ  โดยมีสมาชิกรัฐสภาไม่เห็นด้วย เพราะจะใช้เวลานาน แต่นายพรเพชร ยืนยันว่าเมื่อมีผู้เสนอต้องปฏิบัติตาม