วันที่ 10 ส.ค.65 นายสุพจน์ ไข่มุกด์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และอดีตรองประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 (กรธ.)ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องปมปัญหาข้อกฎหมายเรื่องการตีความการนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า เรื่องดังกล่าวไม่อยากแสดงความเห็น เพราะควรเป็นเรื่องที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยดีที่สุด หากพูดไปก็จะต่อความยาวสาวความยืด เพราะตอนนี้ก็วางมือไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรแล้ว

เมื่อถามถึงกรณีมีการเผยแพร่บันทึกการประชุมของ กรธ.ที่มีการแสดงความเห็นของนายสุพจน์ ระบุตอนหนึ่งในช่วงการยกร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 154 เรื่องการนับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่บอกไว้ว่า การนับดังกล่าวให้นับรวมถึงการเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันด้วย นายสุพจน์ กล่าวทันทีว่า บันทึกการประชุมดังกล่าวเป็นเอกสารเปิดเผยไม่ใช่บันทึกลับอะไร มีการเก็บไว้ในสถานที่ต่างๆ เช่นห้องสมุดรัฐสภา ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความเห็นดังกล่าวของตนก็เป็นแค่การพูดคุยปรึกษาหารือแบบไม่เป็นทางการของ กรธ.ตอนนั้น และในความเป็นจริงมีการพูดกันหลายคน แต่มีคนไปจับประเด็นที่บางกลุ่มต้องการ มีการไปดึงโค้ดคำพูดที่เขาต้องการให้มาประเด็นในตอนนี้เท่านั้นเอง

ขอย้ำว่าบันทึกดังกล่าวไม่ใช่มติ เป็นการหารือทั่วไปของ กรธ. และไม่ได้คุยกันแค่สองคน ระหว่างตนเองกับประธาน กรธ. แต่คุยประเด็นนี้กันหลายคนในกรธ. 21 คน เป็นลักษณะการคุยกันทั่วไป แต่ที่มีการบันทึกไว้ในรายงานเป็นเอกสารดังกล่าว ก็เพราะตำแหน่งของตนเองเป็นรองประธาน กับประธานเท่านั้นเอง ซึ่งตอนที่คุย ก็มีความเห็นกันหลากหลายและตอนนี้ อะไรก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว อยากให้เรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดจะดีกว่า

เมื่อถามย้ำว่า ความเห็นดังกล่าวมีผลผูกพันจนนำมาเป็นเอกสารประกอบการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ นายสุพจน์ ย้ำว่า ไม่ใช่มติ กรธ. เป็นแค่การหารือ เราต้องดูบริบทอื่นๆ ด้วย ต้องดูหลายวรรค หลายตอนประกอบกัน ตอนที่ กรธ.คุยกันในมาตราอื่นด้วยที่เกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่เอาข้อความเดียวแล้วยกมาพูดถึง แต่ต้องดูมาตราอื่นด้วย ต้องดูหลายอย่าง

"คุณต้องไปดูความเห็นที่ท่านชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาที่ออกมาโพสต์เรื่องการตีความการนับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีผู้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านให้ความเห็นดีมากเลย" นายสุพจน์ ระบุ

เมื่อถามว่า ตอนนี้มีการเผยแพร่บันทึกการประชุมดังกล่าว โดยเฉพาะประเด็นที่นายสุพจน์ บอกว่า ให้นับระยะเวลาการเป็นนายกฯ ก่อนรัฐธรรมนูญปี 2560 ประกาศใช้ด้วย นายสุพจน์ตอบว่า ตนเองไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ และ กรธ.ก็มีถึง 21 คน และที่ปรึกษา กรธ.อีกจำนวนมาก ตรงนั้นแค่ความเห็นของตนเอง ไม่ใช่มติอย่างเป็นทางการของ กรธ. มติมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อันนี้มันเป็นความเห็น คุยกันทั่วไป โดยตอนนั้นไม่ได้มีบริบทอื่นเลย

"ตอนนั้นมันเป็นการคุยกันเรื่องกรอบการยกร่างมาตรา 158 (บุคคลจะเป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปีไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นติดต่อกันหรือไม่) ที่ตอนนั้นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้ไปเขียนบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญเลย แล้วก็ยังไม่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นๆอีก ขอย้ำว่าที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญคุยกันตอนนั้นที่ปรากฏในเอกสาร มันแค่ขั้นตอนแรกๆ ของการยกร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง เราก็คุยกันทั่วไป เพราะหลังจากวันนั้น ก็ยังมีการยกร่างรัฐธรรมนูญอีกหลายมาตราหลายขั้นตอน

แต่มีบางคนไปจับประเด็น เอาแค่ตรงนั้นที่ผมพูด เพื่อให้กลายเป็นประเด็นขึ้นมาในตอนนี้ ทั้งที่สิ่งที่คุยกัน ไม่ใช่มติของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ การจะตีความเรื่องนี้ ขอบอกว่า จะต้องพิจารณารัฐธรรมนูญหลายมาตรา หลายวรรค หลายตอนในรัฐธรรมนูญมาประกอบกันด้วย ไม่ใช่มาดูกันแค่วรรคเดียวของบางมาตราในรัฐธรรมนูญแล้วนำมาพูดกัน แต่ต้องดูหลายมาตราประกอบ" นายสุพจน์ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2565 นายชูชาติ  ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการนับระยะเวลาการดำรงแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบัน โดยมีการระบุตอนท้ายว่า การนับอายุการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ให้นับหลังจากเข้ารับตำแหน่งนายกฯ รอบสอง หลังเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม ที่เข้าไปเป็นนายกฯ เมื่อ 9 มิถุนายน 2562 โดยมีข้อความ บางส่วนดังนี้

"..บทบัญญัติในมาตรา 158 วรรคสี่ ที่ว่า นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้นั้น ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 158 วรรคสอง ที่ว่า นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา 159

...มาตรา 159 ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 และเป็นผู้มีชื่ออยู่ ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรค การเมืองที่มีสมาชิก ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

...การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่งต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร...มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทําโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

...พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158 วรรคสอง โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 คิดถึงปัจจุบันเป็นเวลาเพียง 3 ปี 1 เดือน 6 วันเท่านั้น"