วันที่ 8 ส.ค.65 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Jatuporn Prompan-จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่า...

“จตุพร-นิติธร” นัดระดมพลบ่าย 23 ส.ค. ร่วมเคาท์ดาวน์เที่ยงคืน ตะโกนไชโยไล่ “ประยุทธ์”พ้นนายกฯ 8 ปี ลั่นถ้าเล่นเล่ห์ไม่ออก ถึง 24 ส.ค. พามวลชนบุกถึงทำเนียบไปดูหน้า “นายกฯเถื่อน” ผู้ก่อความวุ่นวายให้ประเทศ เหน็บแค่อยากได้อำนาจอยู่ยาว เขียน รธน.เองยังทำลายเอง ลั่น ปชช.จะไม่ทน ไม่กลัว เอาไงเอากัน ประกาศสู้กับคนดื้อด้านถึงที่สุด

เมื่อ 7 ส.ค.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา คณะหลอมรวมประชาชน โดยนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ปราศรัยชี้แจงเหตุผลและอธิบายข้อกฎหมายกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่ออยู่ครบ 8 ปี ตาม รธน.มาตรา 158 กำหนดไว้

นายนิติธร กล่าวว่า ถ้า ศาล รธน.ตัดสินการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 8 ปีแล้วเกิดกลียุค ประเทศไม่มีผาสุก ศาลต้องรับผิดชอบ เพราะ รธน.ฉบับนี้ประชาชนสถาปนาขึ้นมา จึงต้องตีความตามเจตนารมณ์ของประชาชนไม่ใช่เอาตามความเห็นของตุลาการ 9 คน

ใน มาตรา 158 บัญญัติว่า นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง

อีกทั้ง ราชกิจจานุเบกษา ประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2557 ก็ระบุถึงการโปรดเกล้าให้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องมาตั้งปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะครบ 8 ปีในวันที่ 23 ส.ค. และตาม ม.158 แล้วจะเป็นเกินไม่ได้ ต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป

แต่มีการโต้แย้งว่า การนับเวลานายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเริ่มนับตั้งแต่ รธน. 2560 ดังนั้นขอเสนอว่า ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าเฝ้าเพื่อยกเลิกราชกิจจานุเบกษาแต่งตั้งการเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2557 เสียก่อน เพื่อไม่ให้เวลานายกรัฐมนตรีได้นับต่อเนื่องกัน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จะกล้าหรือไม่

“ถามกันจริงๆว่า กล้าหรือไม่ เห็นปากดีนักว่าเข้าเฝ้าได้คนเดียว แล้วกล้าเข้าเฝ้าไปขอยกเลิกการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2557 หรือไม่ กล้าหรือไม่”

นายนิติธร กล่าวว่า นอกจากนี้ ระยะเวลาการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเกี่ยวพันกับ รธน. มาตรา 264 รวมถึงต้องสิ้นสุดลงตาม มาตรา 170 ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนโยงผูกพันกับมาตรา 158 กรณีเป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปีไม่ได้ทั้งสิ้น

ดังนั้น คนชื่อนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายของรัฐบาล อ่าน รธน.แล้วไม่เข้าใจหรือ? สิ่งสงสัยคือ ทำไมไม่เป็นนักกฎหมายยึดความสงบสุขของประเทศชาติ อย่าเอาแต่ปลิ้นปล้อนเอาใจอำนาจการเมือง ต้องหัดมีใจให้ประเทศชาติ ประชาชน จะได้ทำในสิ่งที่ดีบ้าง

อีกอย่างการเขียน มาตรา 158 ระบุไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปีนั้น เพราะไม่ต้องการให้ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก นอกจากพวก 3 ป.เท่านั้น แล้วกฎหมายที่เขียนขึ้นมาเพื่อตัวเองกลับมารัดคอตัวเอง

“ดังนั้น ถ้าไม่ต้องยึดกฎหมายก็ประกาศออกมาว่า ประเทศนี้ไม่ต้องมีกฎหมายแล้ว เอาหรือไม่ วัดกันสักตั้ง เอากันหรือไม่ ช่วยบอกมาว่า จะไม่เอาความสงบของบ้านเมืองก็บอกมา ส่งสัญญาณมาเลยประชาชนพร้อมสู้แล้ว”

นายนิติธร กล่าวว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ พ้นนายกรัฐมนตรี พวกรัฐมนตรีก็พ้นทั้งคณะตามมาตรา 158 แต่การบริหารบ้านเมืองก็ไม่เกิดทางตันขึ้น เพราะ รธน. มาตรา 168 วรรคสอง ระบุว่า ให้ปลัดกระทรวงปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้น ๆ เฉพาะเท่าที่จําเป็นไปพลางก่อน โดยให้ปลัดกระทรวงคัดเลือกกันเองให้คนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ดังนั้น รธน.ไม่ได้กำหนดให้มีรัฐบาลรักษากาล แต่ให้ปลัดแต่กระทรวงบริหารงานเป็นการชั่วคราวกันเท่านั้น จึงไม่มีทางตันเกิดขึ้น อย่าได้ห่วงกกังวลกัน

"ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในวันที่ 24 ส.ค. จะได้เห็นความสามัคคีของประชาชน กราบเรียนนายกรัฐมนตรี และ รมต. ช่วยกันหน่อยนะครับ ประชาชนจะไปเยี่ยมท่านที่ทำเนียบ ช่วยๆกันหน่อย แปบเดียวจบ ความสงบสุข ความสามัคคีประชาชนจะเกิดขึ้น ขอให้นายกรัฐมนตรีอยู่รอด้วยในวันที่ 24 ส.ค."

ดังนั้น ถ้า 23 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ไม่คืนอำนาจให้ ประชาชนจะมาเอาคืนในวันที่ 24 ส.ค. และจะไม่มีชั่วคราว จะไม่ให้พวกทหาร ตำรวจมาปล้นอีกแล้ว เพราะ รธน.ให้พ้นแล้วยังไม่ยอมอีก ประชาชนจึงต้องสามัคคีไปเอาคืนมาและจะสร้าง รธน.ของประชาชนเอง ซึ่งไม่สู้วันนี้ ชีวิตก็ไม่ดีขึ้นแน่

ด้านนายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ฉลาดแต่ยึดอำนาจกับรักษาอำนาจ แต่กลับโง่กับการบริหารบ้านเมืองให้รอด ด้วยเหตุนี้ หลังจากเทียงคืน 23 ส.ค. จะเป็นวันสุดท้าย ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการยื้ออยู่ต่ออีก ประชาชนต้องเข้าจัดการกับผู้ปกครองเส็งเคร็งให้พ้นจากอำนาจไป

ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ไล่เรียงระยะเวลาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย โดยนายจตุพร กล่าวว่า หลังรัฐประหารปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แล้วถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี

ต่อมาตั้งคนมาเขียน รธน.ใหม่อีก หวังจะอยู่ยาว มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ มาเขียนรธน.ให้ถูกใจ จึงกลายเป็น รธน. 2560 โดยมี มาตรา 264 เขียนรับรองให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งแสดงถึงความต้องการจะได้อยู่ยาวต่อไปนานๆ จากนั้นก็มีเลือกตั้ง แล้วให้ ส.ว.ที่แต่งตั้งมาได้ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย แล้วก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหนที่ 2 ในปี 2562 สมความตั้งใจเกมอยากอยู่ยาว

แต่ รธน. 2560 มี มาตรา 158 วรรคสี่ ซึ่งเขียนกันเอง ระบุกันเอาเองว่า นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อยากเป็นนายกรัฐมนตรีก็ดิ้นให้ไปถามศาล รธน. อีก ทั้งหมดนั้น เขียนกันเอง รู้เรื่องกันเองทั้งหมด ยังหน้าด้านมาดิ้นอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีกันต่ออีก

“พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีสร้างหนี้ถึง 10 ล้านล้านบาท ก่อให้เกิดหนี้ครัวเรือนมหาศาล แล้วยังมาออกนโยบายคนละครึ่งกันอีก ยังไม่พอ ยังมีการเปิดทางให่้ต่างชาติมาซื้อที่ดินอีก แบบนี้ประเทศประชาชนไม่หายนะหรือ? และจะเกิดความสงบจบที่ลุงตู่ได้อย่างไงกัน ช่างเป็นคนที่ไม่ฉลาด แล้วอวดโง่ ด้วยการให้แก้ปัญหาสินค้าแพงว่า ให้ประชาชนอดทนไปก่อน”

ดังนั้น 23 ส.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์จะพ้นนายกรัฐมนตรี และจะได้ไปสู่สุขคติ รธน.กำหนดไม่ให้เกิดทางตัน โดยให้ปลัดกระทรวงเข้าบริหารบ้านเมืองแทน เมื่อทำแบบนี้คนไทยจะสรรเสริญ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ไปแล้ว หลังเที่ยงคืนจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีเถื่อนขึ้นมาทันที

“อยากชวนประชาชน ในคืนวันที่ 23 ส.ค.มาร่วมนับเคาท์ดาวน์จนถึงเที่ยงคืนเพื่อส่ง พล.อ.ประยุทธ์ไปสู่คติ ออกจากนายกรัฐมนตรี ถ้ายังหน้่าด้านไม่ไปอีก คนไทยจะตื่นขึ้นมาเอาเรื่องเหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลา”

นายจตุพร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนเดียวที่มาทำงานแบบคนรับราชการ มาเช้ากลับเย็นตามเวลา หยุดเสาร์-อาทิตย์ ไปต่างจังหวัดหน่วยรักษาความปลอดภัยล้อมหน้าหลังมากมายไปหมด ดังนั้น การทำงานจึงเป็นปัญหาของบ้านเมือง รวมทั้งกรณีจีนกับไต้หวันและสหรัฐนั้น โยงมาถึงสัญญาอินโด-แปซิฟิก และสัญญาจัสแม็กของสหรัฐ ซึ่งเป็นสัญญาให้ไทยร่วมทำสงครามกับศัตรูของสหรัฐด้วยอีก สิ่งเหล่านี้คือปัญหาของคนที่ไม่ฉลาดก่อไว้ทั้งสิ้น

ดังนั้น เราไม่มีทางอื่น วันที่ 23 ส.ค. ให้ลุกขึ้นมาจัดการ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ต่ออีก ยังผ่าน 8 ปีได้อีก แล้วไปต่ออีก 4 ปี เป็น 12 ปี ถ้าบริหารประเทศดี ใครก็ไม่ว่า แต่ที่ผ่านมาทำทุกอย่างเงียบสงัดกันหมด และแนวทางประชาธิปไตยด้วยวิธีแจกกล้วยนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาชาติได้เลย

“ดังนั้น ไม่มีสนามใดใหญ่กว่าสนามประชาชนอีกแล้ว และ 24 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พ้นตำแหน่งก็กลายเป็นนายกรัฐมนตรีเถื่อนโดยสิ้นเชิง อยู่ที่ประชาชนถ้าพร้อม พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไปจบกันที่ 23 ส.ค. ถ้าประชาชนไม่พร้อม พล.อ.ประยุทธ์ ก็อยู่ต่อไป เราจึงต้องมาร่วมกำหนดชะตากรรมด้วยตัวเราเอง ถ้าประชาชนยืนหยัด ต่อให้ 3 ป. 100 ป.ก็สู้ประชาชนไม่ได้ ถ้าประชาชนขี้คร้านแล้ว 3 ป.ก็ปกครองต่อไป ประเทศฉิบหายต่อไป”

ประเทศไทยต้องมาก่อน

#8ปีไม่ไป #8ปีอยู่ต่อ #ประเทศไทยต้องมาก่อน #คณะหลอมรวมประชาชน

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ : เฟซบุ๊ก Jatuporn Prompan-จตุพร พรหมพันธุ์