ลูกสาวทำใจไม่ใด้ช็อกเป็นลมหน้าศพแม่ หลังเดินเก็บผักใกล้บ้าน คาดจะลงสระล้างหน้าคลายร้อนเกิดหน้ามืดจมดับ
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 7 ส.ค.65 พ.ต.ท.อำพล  นุชนงค์  สารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่ามีคนจมน้ำในสระน้ำแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 3 บ้านน้ำผุด ตำบลวังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร จึงพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หน่วยอาสากู้ภัยกู้ชีพมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์(กู้ภัยสายชล) รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นสระน้ำขนาดเล็กแต่มีความลึกจากขอบบ่อประมาณ 5 เมตร ห่างจากถนนลาดยางสายบ้านเสียบญวน-จันทึง ประมาณ 50 เมตร พบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือ นางนิยม  (สงวนนามสกุล)​อายุ 53 ปี อยู่บ้าน หมู่ 3 ตำบลวังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร บ้านพักห่างจากจุดเกิดเหตุเล็กน้อย สภาพนอนคว่ำหน้าริมน้ำภายในสระ ส่วนท่อนสะเอวถึงปลายเท้าแช่อยู่ในน้ำ โดยบนศีรษะยังสวมหมวกแก๊ปสีขาว ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำอ่อน
   

 


       

ขณะเดียวกันเกิดเป็นภาพสลดขึ้นเมื่อน.ส.อมรรัตน์  (สงวนนามสกุล)​ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิต นอนร่ำให้ยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของผู้เป็นแม่ อยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก จนเป็นลมหมดสติญาติและเพื่อนบ้านต่างช่วยกันอุ้มออกจากจุดพบศพ ไปยังบ้านพักที่อยู่ไม่ไกลโดยแพทย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเดินตามไปดูอาการอย่างใกล้ชิด  ด้วยความเป็นห่วงเนื่องจากลูกสาวผู้ตายมีโรคประจำตัว

จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุยังพบรองเท้าแตะช้างดาวของผู้เสียชีวิตลอยอยู่ผิวน้ำ 1 ข้างส่วนบริเวณบนดินโคลนใกล้ร่างผู้เสียชีวิต มีร่องรอยเท้าเหยียบย่ำอยู่จำนวนหนึ่ง และถุงหิ้วพลาสติกด้านในมีมะเขือพวงและพริกสดจำนวนหนึ่งตกอยู่ใกล้สระน้ำ

สอบถามนายบุญยืน  อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายผู้เสียชีวิตและยังเป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เกิดเหตุ เล่าว่า น้องสาวตนเองอยู่กันแค่สองคนกับลูกสาว น้องสาวมีอาชีพทำสวนยางพารา ส่วนหลานสาวหรือลูกสาวคนตายทำงานอยู่บริษัทจำหน่ายรถยนต์แห่งหนึ่งในตัวเมืองชุมพร  ช่วงบ่าย 3 โมงกว่าๆได้รับแจ้งจากหลานสาวว่าน้องสาวตนได้จมน้ำเสียชีวิตอยู่ในสระน้ำใกล้บ้าน ทราบว่าน่าจะออกมาหาผักไปทำกับข้าวจึงเกิดเรื่องเศร้าขึ้น

เบื้องต้นสันนิฐานว่า นางนิยม ผู้เสียชีวิต  ขณะกำลังเดินเก็บมะเขือพวงและพริกใส่ถุงแต่อาการร้อนจึงเกิดไปที่สระน้ำเพื่อเอาน้ำล้างหน้าล้างตัวแต่จังหวะที่กำลังก้มเกิดเป็นลมหน้ามืดจมน้ำหมดสติช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เสียชีวิตดังกล่าว