เมื่อวันที่ 7 ส.ค.65 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยผลการกวาดล้างขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ และผู้ที่รับเปิดบัญชีม้าช่วยเหลือแก๊งคอลเซนเตอร์ ว่า การร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่ ดำเนินการกวาดล้างไปแล้ว 4 ครั้ง ดังนี้ 1. ระดมกวาดล้าง ระหว่างวันที่ 15-27 ก.พ.65 ผลการปฏิบัติ ระดมหมายจับจำนวน 174 หมายจับ มีจำนวนผู้ต้องหาทั้งหมด 164 คน 2.ระดมกวาดล้าง ระหว่างวันที่ 8-17 เม.ย.65 ผลการปฏิบัติ ระดมหมายจับจำนวน 216 หมายจับ จำนวนผู้ต้องหาทั้งหมด 197 คน 3.ระดมกวาดล้าง ระหว่างวันที่ 20-30 มิ.ย.65 ผลการปฏิบัติ ระดมหมายจับจำนวน 583 หมายจับ จำนวนผู้ต้องหาทั้งหมด 546 คน 4.ระดมกวาดล้าง ระหว่างวันที่ 25-27 ก.ค.65 ผลการปฏิบัติ ระดมหมายจับจำนวน 257 หมายจับ จำนวนผู้ต้องหาทั้งหมด 118 คน รวมผลการปฏิบัติทั้ง 4 ครั้ง ระดมหมายจับรวมจำนวนทั้งหมด 1,230 หมายจับ มีผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 1,025 คน 
 
ส่วนการประสานงานจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์ในประเทศกัมพูชา มีออกหมายจับ แล้ว 237 หมาย จับกุมได้ 138 หมาย ติดตามจับกุม 99 หมาย และถูกส่งกลับมาดำเนินคดีในไทยเเล้ว 89 ราย การจับกุมที่ประเทศกัมพูชา จะมีการดำเนินคดีหลบหนีเข้าเมืองในประเทศกัมพูชาก่อน และเมื่อครบโทษ ทางกัมพูชาจะส่งตัวให้ ทางการไทยดำเนินคดีในส่วนของไทย ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และกลุ่มบัญชีม้า จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเดียวกัน ตามกฎหมายไทย คือ  ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น  มีโทษ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 7 ปี ข้อหานำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและ ข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อัตราโทษจำคุก ตั้งแต่ 4 ปีถึง 15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 80,000 บาท ถึง 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งแต่ละคดีมีอายุความในการดำเนินคดี 15 ปี โดยผู้ที่ลักลอบข้ามแดนไปทำผิด ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จะมีความผิดตาม พรบ.คนเข้าเมือง ด้วย  ขณะที่กลุ่มรับเปิดบัญชีม้า จะความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โทษความผิดฐานฟอกเงินนั้นมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท 
 
"กระทรวงดีอีเอส  ได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์อย่างต่อเนื่อง โดยจะดำเนินคดีทุกคดีที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด พร้อมเตือนไปยังผู้เข้าร่วมขบวนการ ว่าโทษที่ได้รับมีความรุนแรง มีความผิดในหลายข้อหา ประกอบกับ ปัจจุบันได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล รับรู้ข้อมูลข่าวสาร ไม่หลงเชื่อได้ง่าย จึงขอให้เลิกกระทำความผิดในลักษณะนี้" รมว.ดีอีเอส กล่าว