เมื่อวันที่ 7 ส.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตามข้อสั่งการในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ตามที่ได้ประกาศให้ปีนี้เป็น “ปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน” โดยกระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการ “มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สิน หนี้ครัวเรือน”  ผลการไกล่เกลี่ยล่าสุด (ข้อมูลวันที่ 6 สิงหาคม 2565) มีผู้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย รวมทั้งสิ้น 59,436 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ จำนวน 56,674 ราย คิดเป็นร้อยละ 95.35 รวมทุนทรัพย์ 11,995 ล้านบาท ลดค่าใช้จ่ายประชาชน 5,114 ล้านบาท นอกจากนี้ภายในงานได้จัดนิทรรศการและบริการให้คำปรึกษาทางกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับคดีให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ได้เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายในการช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้ กยศ. หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้เช่าซื้อรถยนต์ (ลิสซิ่ง) ทั่วประเทศ ทั้งนี้ การจัดมหกรรมยุติธรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนฯ ทั่วประเทศ จะ เหลืออีก 7 ครั้ง  ที่จังหวัดสระแก้ว นครนายก สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ตราด จันทบุรี และชลบุรี เสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม ซึ่งการจัดงานแต่ละครั้งจะมีการไกล่เกลี่ยของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ที่เป็นหนี้ก่อนฟ้อง และการไกล่เกลี่ยของกรมบังคับคดี ที่เป็นหนี้ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว โดยมีกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และสถาบันการเงิน หลายหน่วยงาน อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์  ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน)  บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด บริษัท โตโยต้า ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมด้วย

"เชิญชวนประชาชนที่มีคดีพิพาทก่อนฟ้อง และหลังศาลมีคำพิพากษา ร่วมงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน และยุติธรรมพบประชาชน (4 ภาค) ประจำปีงบประมาณ 2565 ภายใต้บูรณาการความร่วมมือระหว่างกรมบังคับคดี และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งจะเป็นการตอบโจทย์การแก้ไขหนี้สิน หนี้ กยศ. หนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถยนต์ รวมถึงร่วมกันหาทางออก ฝ่าวิกฤติ สร้างโอกาส ก้าวไปด้วยกัน  ณ สถานที่จัดงาน สำหรับผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนยุติธรรม 1111กด77 /กรมบังคับคดี 02 881 4999 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี 1111 กด 79 หรือ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 02 881 4840 และ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ 0 2141 2768-73” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว