นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ระบุว่า...ใครคือนายกรัฐมนตรีหลังพลเอกประยุทธ์พ้นตำแหน่งนายก24สิงหา65!!!!!

1.พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2557 และยังคงเป็นนายกอยู่ในขณะที่รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ

2.รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติไว้ในมาตรา 264 ว่า"คณะรัฐมนตรี" ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะที่รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับนั้นเป็นคณะรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย

3.ดังนั้นพลเอกประยุทธ์จึงเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตั้งแต่ 23 สิงหาคม 2557 ตามที่บัญัญัติในมาตรา264 และครบกำหนด 8 ปีในวันที่ 23 สิงหาคม 2565

4.รัฐธรรมนูญมาตรา 158 บัญญัติว่าจะเป็นนายกเกิน 8 ปีไม่ได้

ดังนั้นนับตั้งแต่เวลา 24.00 น วันที่ 23 สิงหาคม 2565 วาระการดำรงตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์จึงสิ้นสุดลง ไม่มีอำนาจบริหารสั่งการใดๆได้อีกต่อไปนับแต่เวลานั้น และไม่สามารถรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีกด้วย

5.ประธานรัฐสภามีหน้าที่เรียกประชุมรัฐสภาทันทีเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ในกรณีนี้ พลอ.ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร.หรือนายอนุทินหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหรือนายชัชชาติจะมีโอกาสได้รับเลือกมากที่สุด!!!!!

และไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ทีมเศรษฐกิจนำโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มีโอกาสเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศมากที่สุด!!!!

และสถานการณ์จำเป็นที่นายสุรเกียรติ เสถียรไทย ที่เคยรับผิดชอบเรื่องเอเปคเมื่อปี 2546 จะต้องเข้ามาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเพื่อจัดการประชุมเอเปคให้สำเร็จลุล่วงเป็นเกียรติศักดิ์ศรีของประเทศให้ทันท่วงที และช่วยแก้ไขปัญหาความล้มเหลวในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ เพื่อนำประเทศไทยออกจากความขัดแย้งและสงครามของขั้วมหาอำนาจทั้งหลายด้วย

6.ในระหว่างการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้"ปลัดกระทรวงปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรี" โดยต้องจัดประชุมกันเพื่อเลือกคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีจนกว่ารัฐสภาจะเลือกนายกรัฐมนตรีได้

7.เรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องกฎหมายสูงสุดของประเทศไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำเป็นเรื่องศรีธนญชัย หรือปฏิเสธหรือไม่ยอมรับดังที่กำลังทำกันอยู่ในขณะนี้ เพราะนั่นคือการก่อวิกฤตให้กับประเทศชาติตามบันทึกเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ว่าเหตุที่ให้ดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปีก็เพราะเป็นต้นเหตุวิกฤตของชาตินั่นเอง
ทุกอย่างชัดเจน บูดเบี้ยวหรือเอาข้างเข้าถูไม่ได้หรอก

อย่าทำเช่นนั้นเลยบ้านเมืองยับเยินพอแล้ว