วันที่ 4 ส.ค.65 น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญามีคำพิพากษา จำคุก 1 ปี แต่รอลงโทษ 2 ปี และปรับ 2 แสนบาท ว่า วันนั้นระบบเครื่องลงมติใช้งานจริงวันแรก มีปัญหาเครื่องขัดข้อง ด้วยความเป็น ส.ส.ใหม่ ไม่กล้าดึงบัตรออก เพราะยังถกเถียงเรื่องระบบมีปัญหา และตนรีบไปภารกิจงานเสวนาเทิดพระเกียรติวันแม่แห่งชาติ ยืนยันไม่มีเจตนา ไม่เคยใช้ให้ใครกดบัตรแทน ก็ต้องเคารพการตัดสินของศาล เคสมาเกิดขึ้นที่เรา คำตัดสินอาจจะเป็นบรรทัดฐานให้เคสของพรรคอื่นที่กำลังตามมา แม้รายละเอียดจะต่างกรรมต่างวาระกันอย่างสิ้นเชิง ก็ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ ที่ประมาทเลินเล่อ ขั้นต่อไปก็ต้องต่อสู้ตามสิทธิและขอความเมตตาในชั้นอุทธรณ์

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวว่า ตนเองในฐานะจำเลยที่ถูกกล่าวหาในคดีอาญายังต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่โจทก์มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยมีการกระทำและเจตนากระทำความผิดจนปราศจากความสงสัย เรื่องนี้ การที่ศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี แม้ดูไม่ร้ายแรง แต่จะมีผลทำให้ตนถูกตัดสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตเพราะขาดคุณสมบัติ ซึ่งตนมีข้อมูลพร้อมพิสูจน์ตัวเองและใช้สิทธิ์ตามกระบวนการในชั้นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ขอให้ศาลเมตตาให้ความเป็นธรรมโดยดูที่เจตนาและพิจารณาครบทุกองค์ประกอบรอบด้าน

“ทุกอย่างเกิดขึ้นย่อมมีเหตุปัจจัย มีหลายเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมและยากจะเข้าใจ บททดสอบสำหรับ ส.ส.สมัยแรกไม่ง่ายเลย ขอบคุณทุกๆกำลังใจและทุกๆคำแนะนำจากพี่ๆเพื่อนๆทุกคนที่ส่งเข้ามา พี่ๆนักกฎหมายหลายคนที่ได้ดูเคสให้ก็ตกใจเพราะไม่ปรากฏหลักฐานใดว่ามีการกระทำเช่นนั้น ก็ให้เคารพคำพิพากษาศาล จะนำมาปรับปรุงและวางแนวทางการทำงานให้ละเอียดรอบคอบขึ้น เชื่อว่าอุปสรรคคดีทางการเมืองที่เจอจะทำให้ตนแข็งแกร่ง อดทน และเปิดมุมมองกว้างขึ้น” น.ส.ธณิกานต์ กล่าว