เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า (กลุ่มลาขาดควันยาสูบ) หรือ ECST ออกโรงเตือน ห้ามผสมน้ำมันกัญชาหรือสาร THC ในบุหรี่ไฟฟ้า เพราะเสี่ยงโรคปอดอักเสบหรือ EVALI อันตรายถึงชีวิต แนะใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น หวังเปิดทางให้มีการพิจารณาปลดล็อกบุหรี่ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน

หลังกฎหมาย "ปลดล็อก" กัญชา มีผลบังคับใช้ ทำให้เกิดกระแสความนิยมการบริโภคกัญชาทั้งในรูปแบบอาหาร เครื่องดื่ม ยาสมุนไพร หรือการสูบ จนสร้างความกังวลให้สังคมในวงกว้างนั้น นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่ม “ลาขาดควันยาสูบ” ระบุว่า “การใช้บุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับสารที่มี THC เป็นส่วนประกอบของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า อาจก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน หรือ EVALI ได้ ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายปี 2563 ซึ่งมีผู้ป่วยกว่า 2,800 คน สาเหตุของการเกิดโรคในครั้งนั้น กรมควบคุมโรค (CDC) และสำนักงานอาหารและยา (FDA) สหรัฐอเมริกา สรุปว่าส่วนใหญ่มาจากวิตามินอีอะซิเตทซึ่งเป็นสารเติมแต่งที่ผสมลงไปในบุหรี่ไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายแบบไม่ถูกกฎหมาย จึงอยากแนะนำผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า หรือผู้ที่บริโภคกัญชาว่า ไม่ควรใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชาหรือสารTHC และไม่ควรเติมวิตามินอีอะซิเตทหรือสารอื่นใดลงในบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด”

นายมาริษ กล่าวต่อว่า เราเห็นการขายบุหรี่ไฟฟ้าเกลื่อนตลาดออนไลน์โดยไร้การควบคุม ไม่มีการดูแลมาตรฐานสินค้า ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคอิวาลี่ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ามีการเอาบุหรี่ไฟฟ้าไปใช้แบบผิดๆ หรือผสมกับน้ำมันกัญชาเองบ้างหรือไม่ แบบนี้ยิ่งอันตรายมากขึ้น ต่างจากที่สหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือสหภาพยุโรปที่มีการควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนชน แต่ผู้กำหนดนโยบายของไทยกลับไม่ยอมรับความจริงว่ามีคนใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก และไม่สามารถป้องกันการเข้าถึงของเยาวชนได้จริง จึงอยากขอให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวด รวมถึงให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนเกี่ยวกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่างเหมาะสมมากกว่าที่จะสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน

พวกเราเชื่อว่านโยบายกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์เป็นเรื่องที่ดี เพราะมีขั้นตอนมาจากกระบวนการศึกษางานวิจัยใหม่ๆ ดูแนวทางของต่างประเทศ รวมทั้งรับฟังความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่และผ่านกระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร จึงอยากฝากไปยังผู้บริโภคกัญชาด้วยว่าขอให้เป็นการใช้เพื่อดูแลสุขภาพ และสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับสังคมจริงๆ จะได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของรัฐและนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่ปลดล็อกกัญชา เพราะเราเองก็อยากเห็นความสำเร็จของนโยบายกัญชา

“ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้านั้นมีกฎหมายที่รองรับทั้งการจัดเก็บภาษีและการควบคุมการบริโภคอยู่แล้ว เพียงแต่รัฐบาลจะยอมรับความจริงและฟังเสียงความต้องการของประชาชนหรือไม่ เพราะถึงแบนต่อไปคนไทยก็ยังใช้บุหรี่ไฟฟ้ากันอยู่ดีแต่เราต้องสูญเสียโอกาสหลายอย่างจากการแบนนี้ จึงอยากให้ศึกษาว่าเหตุใด 79-80 ประเทศในโลกสามารถควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมายได้ และประเทศไทยกลับเป็นหนึ่งในประเทศส่วนน้อยที่ยังดึงดันจะแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปแต่ทำให้เกิดการลักลอบ สร้างธุรกิจใต้ดิน เกิดการทุจริตคอรัปชั่น รีดไถจับกุมผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งหน่วยงานที่กำหนดนโยบายนี้ต้องรับผิดชอบในผลลบที่ตามมาด้วยหรือไม่” นายมาริษ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กัญชาไฟฟ้า ซึ่งมีลักษณะคล้ายบุหรี่ไฟฟ้า แต่เปลี่ยนจากการเติมนิโคตินเหลว เป็นน้ำมันกัญชาหรือสาร THC กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหลายพื้นที่