เสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างน้อย 2 นัด เมื่อเวลาประมาณ11.30 น.ของวันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2565 ตามวันเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลาประมาณ 09.30 น. ของวันเดียวกันนั้น ทำให้ “นายชินโซ อาเบะ” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 57 ของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในระหว่างช่วยลูกพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี กล่าวปราศรัยเพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ที่จัดให้มีขึ้นบริเวณใกล้กับสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในเมืองนารา ทางตะวันตกของประเทศ ต้องล้มลงทั้งยืนอย่างกระทันหัน
จากนั้น เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแล้วพบว่า กระสุนมฤตยูเจาะเข้าที่ลำคอและหน้าอก ส่งผลให้ชีวิตอดีตนายกฯ ของแดนซามูไรรายนี้ อยู่ในสภาพแขวนอยู่บนเส้นด้ายระหว่างความเป็นความตายทันที ด้วยอาการสาหัสอย่างยิ่ง ถึงขนาดหลายคนอดกังวลใจไม่ได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่นายอาเบะอาจถึงแก่ชีวิตจากการถูกลอบยิงครั้งนี้ โดยในระหว่างที่เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล อาการของเขา “ไร้สัญญาณชีพ” แล้ว ทางเจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาล ต้องปั๊มหัวใจของอดีตนายกฯ ญี่ปุ่นผู้เคราะห์ร้ายรายนี้
ส่วนทางคนร้ายผู้ลงมือก่อเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของญี่ปุ่น สามารถจับกุมตัวไว้ได้ในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา หลังจากที่เขาลั่นกระสุนปืน เป็นชายอายุประมาณ 40 ปี โดยขณะนี้กำลังถูกเจ้าหน้าที่เค้นสอบปากคำถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุสะเทือนขวัญช็อกโลกครั้งนี้
สำหรับ ประวัติโดยสังเขปของนายชินโซ อาเบะ เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497) ที่เมืองนากาโตะ จ.ยามากูชิ ประเทศญี่ปุ่น จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเซเกะ ก่อนเดินทางไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ จบการศึกษาแล้ว ก็กลับมาทำงานกับธุรกิจเอกชนที่บริษัท “โคเบะสตีล”
ต่อมาในปี 1982 (พ.ศ. 2525) เขาได้ลาออก เพื่อมาเดินบนถนนสายการเมือง ด้วยการเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี กระทั่งมีบทบาทอย่างสูงภายในพรรคการเมืองแห่งนี้ โดยนายอาเบะ ได้รับการกล่าวขวัญกันว่า เป็นนักการเมืองแนวอนุรักษ์นิยม แบบชาตินิยมฝ่ายขวา อย่างไรก็ตาม เขาก็มีแนวคิดแบบแก้ไขประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นด้วยเหมือนกัน ถึงขนาดที่สมัยหนึ่งเขาเคยแสดงท่าทีปฏิเสธบทบาทของรัฐบาลทหารญี่ปุ่นในการบีบบังคับเกณฑ์สตรีไปบำเรอในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับ ในส่วนของกองทัพและนโยบายต่างประเทศ ปรากฏว่า นายอาเบะ ก็ถูกยกให้เป็นนักการเมืองสายเหยี่ยวคนหนึ่ง จากการที่เขาพยายามผลักดันให้แก่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตราที่ 9 เพื่อปูทางในอันที่จะให้ญี่ปุ่นมี “กองทัพ” อันเกรียงไกรเฉกเช่นประเทศอื่นๆ มิใช่เพียง “กองกำลังป้องกันตนเอง” เท่านั้น ส่วนนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะท่าทีกับเกาหลีเหนือ เขาก็มีนโยบายแข็งกร้าวกับคู่ปรปักษ์จากคาบสมุทรโสมรายนั้น
ด้วยการแสดงบทบาทที่แข็งแกร่งของนายอาเบะ ก็ทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวน้าพรรคแอลดีพี และขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นอย่างเต็มภาคภูมิ 2 ครั้ง 2 ครา ในระหว่างช่วงปี 2006 – 2007 (พ.ศ. 2549 – 2550) สำหรับการรั้งเก้าอี้นายกฯ สมัยแรก และสมัยที่ 2 ตั้งแต่ปี 2012 – 2020 (พ.ศ. 2555 – 2563) จนถูกยกให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่นานที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่ง ได้ดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ จนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก นั่นคือ “อาเบะโนมิกส์” ซึ่งเป็นนโยบายที่มีวัตถุประสงค์แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่สลบซบเซามาอย่างยาวนาน ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบทางเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกันนั้น ก็มีการกระตุ้นการคลัง และยังผ่าตัดใหญ่ ด้วยการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ในเดือนกันยายน ปี 2020 (พ.ศ. 2563) นายอาเบะ ก็ก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตี ด้วยข้ออ้างเหตุผลเรื่องสุขภาพ จากการที่เขามีปัญหาเรื่องลำไส้ใหญ่อักเสบ ทว่า นักวิเคราะห์ แสดงทรรศนะว่า นอกจากปัญหาสุขภาพของเขาแล้ว ก็ยังมีเหตุผลเรื่องคะแนนนิยมของเขาตกต่ำลงเป็นอย่างมากด้วย โดยก่อนหน้าที่เขาลงจากเก้าอี้นายกฯ ประมาณ 1 เดือน คะแนนนิยมของเขาก็เหลือเพียงร้อยละ 36 เท่านั้น