วันที่ 1 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายใต้การอำนวยการโดย พ.ต.อ.ดร.พัทฐกร  ศาสนะสุพินธ์   ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ มอบหมายให้ พ.ต.ท.เทวฤทธิ์ บูรณรักษ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.ท.สีหนาท จันทร์เหลือง สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร.ต.อ.อมร เดชศรี รอง สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์, ร.ต.อ.อารมณ์ เจริญสรรพ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์, ร.ต.อ.วัชรินทร์ นิสังกาจ รอง สว.สส.ฯ, พร้อมชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ร่วมกันนำตัวนายทรงศักดิ์ หรือทัด  นาชัยเลิศ  อายุ 34 ปี อยู่ ต.กาฬสินธุ์  อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์  ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ พร้อมของกลางโทรศัพท์ 4 เครื่อง ไปชี้จุดทำแผนประกอบรับคำสารภาพที่บริเวณโรงจอดรถภายในสนามกีฬากลาง จ.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หลังก่อเหตุแอบงัดเบาะรถจักรยานยนต์ขโมยทรัพย์สินของประชาชนที่มาออกกำลังกายก่อนนำไปขายและถูกจับ

พ.ต.ท.เทวฤทธิ์ บูรณรักษ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากมีผู้เสียหายหลายราย ที่ขับขี่จักรยานยนต์มาออกกำลังกาย ภายในสนามกีฬากลาง จ.กาฬสินธุ์ โดยจอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่โรงจอดข้างสำนักงานการกีฬาและท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยฯ แล้ววิ่งออกกำลังกาย แต่ได้เก็บโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ พอออกกำลังกายเสร็จ ตรวจสอบพบทรัพย์สินทั้งเงินสดและมือถือหายที่เก็บไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์หายไป จึงได้เข้าแจ้งความ กระทั่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ แกะรอยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางบางส่วน 

พ.ต.ท.เทวฤทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้สารภาพว่าก่อเหตุ 3 ครั้ง ได้โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ครั้งแรกวันที่ 27 พ.ค. 65 ได้โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง,วันที่ 16 มิ.ย.65 ได้อีก 1 เครื่อง และโดยครั้งล่าสุดวันที่ 27 มิ.ย.65 ได้ 2 เครื่อง นายทรงศักดิ์ ได้ก่อเหตุใช้มืองัดเบาะรถจักรยานยนต์ของนายปิยะพงศ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ที่ได้มาวิ่งออกกำลังกาย อยู่บริเวณสนามกีฬากลาง จ.กาฬสินธุ์ แล้วนำมือถือยี่ห้อไอโฟน รุ่น 12 โปรแม็ค สีกรมท่า และมือถือยี่ห้อวีโว่ รุ่น 1993 สีบรอนซ์ ไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะถูกคนร้ายมาลักเอาไป หลังได้รับแจ้งความ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ได้ออกสืบสวนหาข่าว กระทั่งทราบบุคลคลผู้ต้องสงสัย คือนายทรงศักดิ์ ซึ่งมีประวัติก่อเหตุลักทรัพย์ แต่ปัจจุบันได้พ้นโทษจากเรือนจำ จ.กาฬสินธุ์แล้ว ก่อนที่จะพบนายทรงศักดิ์ อยู่บริเวณริมถนนสาธารณะชุมชนวัดป่าทุ่งศรีเมือง จึงได้แสดงตัวและขอตรวจค้น พบโทรศัพท์ของผู้เสียหายทั้ง 2 เครื่อง อยู่ในกระเป๋ากางเกงนายทรงศักดิ์ ก่อนจะยอมรับว่าได้ไปงัดเบาะรถจักรยานยนต์และลักมือถือที่อยู่ใต้เบาะจริง จึงคุมตัวมาสอบสวนและตรวจปัสสาวะ พบผลเป็นสีม่วง จากนั้นจึงนำนายทรงศักดิ์พร้อมของกลางทั้งหมด มือถือ 4 เครื่อง มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาคดีลักทรัพย์ ต่อไป

ทั้งนี้นายทรงศักดิ์ อ้างว่า ตกงาน ไม่มีงานทำ จึงคิดหาเงินใช้แบบง่ายๆ โดยลักมือถือที่ชาวบ้าน  ผู้รักษ์สุขภาพเก็บไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ โดยจะเดินตะเวนหาคันที่จอดอยู่มุมอับ ลับสายตาคน ใช้มืองัดข้างเบาะแล้วล้วงมือเข้าไปใต้เบาะ ซึ่งไม่เลือกว่าจะเป็นยี่ห้อใด ขอให้ได้มือถือเท่านั้น บางครั้งโชคดีได้กระเป๋าสตางค์ มีเงินสดด้วยด้วย เมื่อได้มือถือแล้วก็จะเอาไปขายให้ชาวบ้านในราคาเครื่องละ 2,000 บาท เพื่อนำเงินไปเป็นค่าอาหารประจำวัน ทั้งนี้ ตนเคยถูกดำเนินคดีมาแล้วข้อหาลักทรัพย์ และเพิ่งพ้นโทษออกมา ไม่นาน เมื่อไม่มีงานทำจึงตัดสินใจก่อเหตุลักทรัพย์ ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมอีกครั้ง 

ขณะที่นายปิยะพงศ์ ผู้เสียหาย กล่าวขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ที่ได้เร่งติดตามโทรศัพท์ และสามารถจับตัวผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็ว  ก่อนที่จะไปก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นๆ อีก

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ฝากเตือนภัยไปถึงประชาชนผู้ที่มาออกกำลังกาย ได้ระมัดระวังทรัพย์สินของตนเองให้ดี ไม่ว่าจะเป็นมือถือหรือกระเป๋าสตางค์ รวมทั้งรถจักรยานยนต์ของตนเองก็ตาม ทุกครั้งที่มาออกกำลังกายที่สนามกีฬา หรือสวนสาธารณะ รวมทั้งลานจอดรถตามสถานที่ต่างๆก็ไม่ควรนำติดตัวมา หรือเก็บไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ หรือเก็บทรัพย์สินที่มีค่ามากๆไว้ในรถยนต์ เพราะอาจจะถูกคนร้ายงัดเบาะและลักขโมยทรัพย์สินไปดังกล่าว