วันที่ 1 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก ได้ออกเอกสารชี้แจงสถานการณ์ชายแดนพื้นที่ จ.ตาก ว่า วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันระหว่างทหารเมียนมา กับกองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณบ้านอุเกรทะ อ.วาเล่ย์ใหม่ จ.เมียวดี ด้านตรงข้ามบ้านวาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ลึกเข้าไปในฝั่งเมียนมา ประมาณ 1 กม.โดยทหารเมียนมาได้ใช้อากาศยาน สนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ 

ทั้งนี้ การปะทะของทั้งสองฝ่าย มีกระสุนไม่ทราบชนิด/ไม่ทราบฝ่าย ข้ามมาตกยังฝั่งไทย บริเวณไร่ปาล์ม บ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ ๓ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ ส่งผลให้ยานพาหนะของประชาชน ได้รับความเสียหาย 

กองทัพอากาศไทย ตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บินล้ำแดนเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณ อ.พบพระ จ.ตาก จึงมีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 (F-16) จำนวน 2 ลำ ขึ้นบินลาดตระเวนรบในบริเวณดังกล่าว เพื่อปฏิบัติภารกิจป้องกันภัยทางอากาศ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองกำลังนเรศวรได้แจ้งเตือน และทำหนังสือประท้วงไปยังคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น ไทย-เมียนมา (TBC) และกองทัพอากาศ ได้สั่งการให้ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำสถานเอกอัครทูต ณ ย่างกุ้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเมียนมา แจ้งเตือน และหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต กองกำลังนเรศวร และกองทัพอากาศ พร้อมตอบโต้ หากมีการรุกล้ำอธิปไตย หรือมีสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนไทย

ปัจจุบัน ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ได้เดินทางเข้ามายังฝั่งไทย 855 คน ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ 2 แห่ง คือ บ้านมอเกอร์ไทย ผู้หนีภัยยอดเดิม 281 คน เดินทางเข้ามาฝั่งไทย 26 คน และสมัครใจเดินทางกลับเมียนมา 2 คน ยอดคงเหลือ 306 คน และบ้านวาเล่ย์เหนือ ผู้หนีภัยยอดเดิม เดินทางเข้ามาฝั่งไทย 550 คน ยอดคงเหลือ 550 คน

ศูนย์สั่งการชายแดน จ.ตาก ได้ติดตามสถานการณ์ในฝั่งเมียนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน์ไทย ในการนี้ขอความร่วมมือประชาชน งดการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว เพื่อความปลอดภัย รวมถึงขอความร่วมมือสื่อมวลชน และทุกภาคส่วน ตรวจสอบข่าวสาร ข้อเท็จจริง ก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ โดยประชาชนสามารถรับฟังข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง ได้จากการแถลงข่าวประจำวัน ของศูนย์สั่งการชายแดน จ.ตาก