กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.มณเฑียร ธงเทียน รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป., ด.ต.สมศักดิ์ สืบสาย, ด.ต.สมภพ ทองเชื้อ ผบ.หมู่ กก.1 บก.ป.,  ด.ต.พิชิต เรืองงาม, จ.ส.ต.กัมพล ระประครอง, จ.ส.ต.อดิศักดิ์ จันทร์คง ผบ.หมู่ กก.1 บก.ป., ส.ต.อ.พิสิษฐ์      บุดดีเฆ่, ส.ต.อ.เจษฎา อาจน้อย, ส.ต.อ.นิติพัฒน์ แห่งหน และ ส.ต.ท.คุณานนท์ สาดสูงเนิน ผบ.หมู่  กก.1 บก.ป.ร่วมกันนำหมายค้นศาลแขวงพัทยา ที่ ค.35/2565 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2565 เข้าทำการจับกุม ตัวผู้ต้องหา1. นายรัชยล (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 125/2565 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565

2. น.ส.ปัจนาฎ หรือบูม (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 126/2565 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง และโดยทุจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยเป็นการกระทำต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด”

พร้อมตรวจยึดสิ่งของที่เชื่อว่า ได้ใช้ในการกระทำความผิด1. โทรศัพท์มือถือสีฟ้ารุ่น ซัมซุง Galaxy A12 จำนวน 1 เครื่อง
2. โทรศัพท์มือถือสีเขียวรุ่น ซัมซุง Galaxy A22 5G จำนวน 1 เครื่อง3. ซองซิมการ์ด รวมจำนวน 9 ซอง4. บัตร ATM Visa Debit จำนวน 1 ใบ

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากวันที่ 12 กันยายน 2562 จนถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2564 นายรัชยล ผู้ต้องหาที่ 1 และนางสาวปัจนาฎ ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นสามีภริยากัน ขณะเกิดเหตุนายรัชยลเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียน       แห่งหนึ่ง โดยผู้ต้องหาทั้งสองเปิดร้านให้บริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแห่งใกล้กับโรงเรียน ต่อมา นายรัชยลฯ และ น.ส.ปัจนาฎฯ ได้ร่วมกันวางแผนหลอกซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ โดยการรับซื้อดาวน์รถไปจากผู้เช่าซื้อ หรือผู้ครอบครองรถ และหลอกลวงให้บุคคลอื่นเข้าทำสัญญาเช่าซื้อรถแทนตน ตามพฤติการณ์การกระทำความผิด ดังนี้  


​1.การหลอกซื้อดาวน์รถ เมื่อระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2562 จนถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2564 
นายรัชยลฯ และ น.ส.ปัจนาฎฯ หลอกลวงรับซื้อดาวน์รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ซึ่งอยู่ระหว่างเช่าซื้อหรือครอบครองไปจากนายวีรพลฯ ผู้เสียหายกับพวก รวม 54 คน โดยผู้เสียหายแต่ละราย ได้โพสต์ประกาศขายดาวน์ผ่านเฟซบุ๊ก นายรัชยลฯ จึงทำทีติดต่อทางกล่องข้อความเฟซบุ๊ก (แชทเฟซบุ๊ก) และแอปพลิเคชันไลน์                ไปยังผู้เสียหายแต่ละราย อ้างว่าต้องการครอบครองใช้ประโยชน์รถดังกล่าว โดยตกลงจะชำระค่าเช่าซื้อต่อไป และดำเนินการเปลี่ยนตัวผู้เช่าซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้เสียหายหลงเชื่อเนื่องจากผู้ต้องหาแสดงตัวตนว่าประกอบอาชีพเป็นครู และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน และแจ้งวัตถุประสงค์ในการซื้อดาวน์ต่อผู้เสียหายในทำนองเดียวกันว่าต้องการซื้อไว้ใช้งานเอง เช่น ขับขี่ส่งเครื่องดื่ม บรรทุกมะพร้าวเพื่อมา ทำน้ำปั่น ต้องการรถยนต์แบบครอบครัวสำหรับเดินทางท่องเที่ยว เป็นต้น รวมทั้งต้องการใช้รถจักรยานยนต์ที่มีขนาดเล็กเนื่องจากรถที่ใช้งานอยู่มีขนาดใหญ่ และอ้างว่าต้องการเก็บสะสมเนื่องจากชื่นชอบรถจักรยานยนต์ประเภทบิ๊กไบค์ไว้สำหรับใช้ขับขี่ทางไกล เป็นเหตุให้ผู้เสียหายแต่ละรายหลงเชื่อส่งมอบรถให้แก่ นายรัชยลฯ และน.ส.ปัจนาฎฯ โดยได้จัดทำหลักฐานการส่งมอบรถไว้ให้แก่ผู้เสียหายเป็นสัญญาซื้อขาย สัญญาเช่า สัญญายืม ตามที่ได้ตกลงกับผู้เสียหายแต่ละราย จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบรถยนต์ที่ถูกหลอกประทุษร้าย จำนวน 12 คัน และ รถจักรยานยนต์ จำนวน 43 คัน รวม 55 คัน สรุปยอดความเสียหายประมาณ 19,297,060 บาท


2.หลอกลวงให้ทำสัญญาเช่าซื้อ เมื่อระหว่างวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 ถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 นายรัชยลฯ ได้หลอกลวงผู้เสียหาย รวมจำนวน 7 คน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงาน บุคลากรในโรงเรียนที่ นายรัชยลฯ ทำงานอยู่ ให้เข้าทำสัญญาเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และรถยนต์แทนตน โดยหลอกลวงว่าจะครอบครอง     ใช้ประโยชน์รถ และชำระค่าเช่าซื้อกับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ โดยเมื่อถึงเวลาที่กำหนดจะดำเนินการเป็นคู่สัญญากับผู้ให้เช่าซื้อด้วยตนเอง ความจริง นายรัชยลฯ ไม่ได้เจตนาที่จะชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญาแต่อย่างใด                         

แต่ได้ใช้อุบายหลอกลวงด้วยวิธีการดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อทำสัญญาเช่าซื้ออันเป็นเอกสารสิทธิ  ในพฤติการณ์ที่ 2 มีผู้เสียหายจำนวน 7 คน ซึ่งยังคงมีการซื้อดาวน์ และผ่อนชำระกับบริษัทสินเชื่อจำนวน 4 บริษัท แบ่งออกเป็นรถยนต์ที่ถูกหลอกประทุษร้าย จำนวน 2 คัน และ รถจักรยานยนต์ จำนวน 6 คัน รวม 8 คัน สรุปยอดความเสียหายประมาณ 3,878,341 บาท
หลังจากนายรัชยลฯ และ น.ส.ปัจนาฎฯ ได้ไปซึ่งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ด้วยวิธีการดังกล่าวแล้ว  ปรากฏรายการชำระค่าเช่าซื้อเพียงบางงวด ต่อมาอ้างกับผู้เสียหายบางรายว่าอยู่ระหว่างรอรับ เงินค่าสอนพิเศษในที่สุดก็ไม่ชำระค่าเช่าซื้อต่อไป แล้วผู้ต้องหาทั้งสองมีพฤติการณ์หลบหนีไปด้วยกันช่วงประมาณกลางเดือนตุลาคม 2564 เป็นเหตุให้ผู้เสียหายในฐานะผู้เช่าซื้อ และมีสิทธิครอบครอง ได้รับความเสียหาย 
จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีต่อไป


ต่อมา กก.1 บก.ป. ได้มอบหมายให้ ว่าที่ พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์  สว.กก.1 บก.ป. พร้อมพวก ทำการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการกระทำผิดซ้ำซาก และมีการก่อเหตุหลายครั้งเกี่ยวพันกันหลายท้องที่ ไม่มีความยำเกรงต่อกฎหมาย ประกอบกับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ยังหลบหนีคดีอยู่
ต่อมาวันที่ 22 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 1 ได้ขออนุมัติศาลแขวงพัทยาออกหมายค้นบ้านเช่าซึ่งสืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ และศาลได้อนุมัติหมายค้น 
ที่ ค.35/2565 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเข้าค้นเพื่อจับกุมผู้ต้องหา ผลการตรวจค้นพบนายรัชยลฯ และ น.ส.ปัจนาฎฯ ผู้ต้องหาอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวจริง จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมหมายจับและทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองราย โดยสามารถตรวจยึดรายการสิ่งของ จำนวน 4 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การจำเลยเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และนายรัชยลฯ ให้การว่าด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้ร้านอาหารคงตนต้องปิด จึงทำให้ขาดรายได้ ผ่อนรถที่ซื้อมาไม่ไหว จึงขายต่อเปลี่ยนมือ

เตือนภัย  กรณีการ “ขายดาวน์” ที่พบว่า มีผู้เช่าซื้อรถยนต์ขายดาวน์รถยนต์ทั้งผ่านเพจต่าง ๆ    ผ่านแอปพลิเคชัน หรือ เพื่อนและคนรู้จัก ซึ่งอาจนำไปสู่การทำผิดกฎหมายได้ เนื่องจากรถยนต์ดังกล่าวกรรมสิทธิ์ยังเป็นของ บริษัทไฟแนนซ์ จึงไม่สามารถนำไปขายแก่บุคคลอื่นได้ เนื่องจากต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ก่อน