“บิ๊กแซม” แซม อัลลาร์ไดซ์ โดนปลดไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งทำให้เขากลายเป็นกุนซือทีมชาติอังกฤษ ที่ได้คุมทีมสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ แค่ 67 วันเท่านั้น วีรกรรมล่าสุดที่ถูกสื่ออย่าง “เดลี่ เทเลกราฟ” ตีแผ่เเรื่องฉาวที่ไม่ถูกต้องด้วยการให้นักข่าว 2 คน ปลอมตัวเป็นตัวแทนจากบริษัทแห่งหนึ่งในตะวันออกไกล เพื่อ "ล่อซื้อ" บิ๊กแซม มันเกินกว่าที่ เอฟเอ จะเอาไว้ สื่อใหญ่รายนี้กลายเป็น “นักสืบ” เพื่อหาหลักฐานชนิดที่จะทำให้เป้าหมายดิ้นไม่หลุด เพื่อให้รู้ว่ามีการย้ายตัวนักเตะแบบผิดกฎว่าด้วยการยัดเงินใต้โต๊ะ นักข่าวจอมแสบที่ปลอมตัวเข้าไปเจรจาออกมาแฉเต็มๆ ว่า “บิ๊กแซม” เรียกเงิน 400,000 ปอนด์เพื่อแลกกับ การให้คำแนะนำในการใช้ช่องโหว่ กฎการซื้อขายของสมาคมฟุตบอล รวมไปถึงยังพาดพิงไปถึง รอย ฮอดจ์สัน กุนซือคนเก่าด้วย ทางเอฟเอ จึงไม่มีทางเลือก นอกเสียจากดปลด “บิ๊กแซม” ออกจากการเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เซ่นข่าวฉาว หลังจากเข้ามาทำงานได้เพียง 67 วันต่อจาก "ปู่รอย" รอย ฮอดจ์สัน โค้ชคนก่อนที่ขอลาออกในช่วงหลังจบศึกยูโร 2016 “บิ๊มแซม” จากไปพร้อมกับ สถิติเป็นบุคคลที่คุมทีมสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ และทำสถิติชนะสูงถึง 100% แข่ง 1 ชนะ 1 ทำได้ 1ประตู ซึ่งแน่นอนว่า คงไม่มีใครอยากลำลายสถินี้ลง การสืบสวนพฤติกรรมทุจริต ของ “เทเลกราฟ” ยังคงดำเนินต่อไป โดยล่าสุด “ซีรีส์ล่าคนโกง” ออกมาแฉ จิมมี ฟลอยด์ ฮัลเซลเบงค์ นายใหญ่ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส และทอมมี ไรท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม บาร์นสลีย์ น้องใหม่ แชมเปียนชิพ ซึ่งรายหลังถูกยกเลิกสัญญา และปลดผู้ช่วยผู้จัดการทีม เรียบร้อยแล้ว ส่วน มัสซิโม เชลลิโน เจ้าของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด รวมไปถึง เอริค แบล็ค ผู้ช่วยผู้จัดการทีมของสโมสรเซาแฮมป์ตัน ที่มีส่วนพัวพันกับการรับเงืนใต้โต๊ะ ก็เป็นอีกรายที่ถูก “เทเลกราฟ” ออกมาแฉพฤติกรรมอันฉาวโฉ่ เชื่อว่ายังคงมีอีกหลายคนที่ต้องสังเวยหน้าที่การงานให้กับ การเปิดโปงครั้งใหญ่ งานนี้ต้องบอกว่า “ตัวใครตัวมัน” อย่างไรก็ตามประเด็นที่น่าสนใจและสำคัญไม่แพ้กันก็คือ ใครที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของอังกฤษกัน แทน “บิ๊กแซม” แม้ว่าในตอนนี้แกเร็ธ เซาธ์เกท ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมชุด ยู 21 ของทีมชาติอังกฤษ จะเข้ามาทำหน้าที่ก่อนในช่วง 4 เกมข้างหน้านี้ แต่แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงแผนขัดตาทัพเท่านั้น หากเจ้าตัวสามารถทำผลงานได้ดีก็ไม่แน่ว่าทาง “เอฟเอ” อาจจะยื่นข้อเสนอที่เป็นชิ้นเป็นอันให้ แต่ถ้าไม่แล้วล่ะก็ ทางสื่ออังกฤษอย่าง “เมโทร” มองว่า เต็ง 1 ของงานนี้ตกเป็นของ อลัน พาร์ดิว โดยมีอัตราต่อรอง3/1ตามมาด้วย สตีฟ บรูซ มีอัตราต่อรองที่ 6/1 อันดับสามของงานนี้เป็นของ เอ็ดดี ฮาว กุนซือฟอร์มดีจากบอร์นมัธมีอัตราต่อรองที่ 8/1 ตามมาด้วย เกล็น ฮอดเดิล, เยอร์เกน คลินส์มันน์, อาร์แซน เวนเกอร์ และแกรี เนวิลล์ จะเป็นใครก็แล้วแต่ แฟน “สิงโตคำราม” คงต้องรอไปก่อน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ต้องเอาใจช่วย แกเร็ธ เซาธ์เกท ให้ผ่าน4ไปให้ได้ มิเช่นนั้นอาจกระทบถึงบอลฟุตบอลโลก ปี2018