วันที่ 26 พ.ค.65 เวลา 10.00 น.พระครูจันทปัญโญภาส เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุสวี พระครูนิวิฐศิลวัตร เจ้าอาวาสวัดท้องตมใหญ่ อำเภอสวี จ.ชุมพร พร้อมด้วยชาวบ้านจำนวนหนึ่งเข้าตรวจสอบดูร่องรอยความเสียหายภายในอุโบสถ วัดท้องตมใหญ่ หลังจากก่อนรุ่งเช้าที่ผ่านมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายนับล้านบาท โดยพบว่าด้านนอกของอุโบสถยังเป็นปกติ เพลิงไม่ได้ลุกลามออกมาด้านนอก แต่ภายในบริเวณบนฝ้าเพดานบางส่วนเป็นไม้ถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมดรวมไปถึงพัดลมติดฝ้าเพดานจำนวน 8 ตัว โคมไฟ และหลอดไฟ ตกลงมากองอยู่กับพื้นอุโบสถ ส่วนบนพื้นที่ยกสูงไว้สำหรับพระสงฆ์ และอังสะ สิ่งของเครื่องใช้ในการทำกิจวัตรสวดมนต์ไว้พระ ไหน้ำมนต์ เครื่องเสียง แผงวงจรไฟฟ้า ที่อยู่ด้วยหลังพระพระทานองค์ใหญ่ไฟไหม้เสียหายใช้การไม่ได้ แต่องค์พระประทานไม่ถูกเพลิงไหม้ มีเพียงคราบเขม่าควันไฟเท่านั้น โดยบนพื้นอุโบสถยังเจิ่งนองไปด้วยน้ำหลังจากเกิดเหตุรถองค์การบริหารส่วนตำบลด่านสวี(อบต.ด่านสวี)นำรถดับเพลิงเข้ามาด้วยเหลือ ทั้งนี้ พระครูนิวิฐศิลวัตร หรืออาจารณ์จรัส เจ้าอาวาสวัดท้องตมใหญ่ วัดท้องตมใหญ่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2460 หรือมีอายุประมาณ 105 ปีก่อน ส่วนอุโบสถหลังเกิดเหตุก่อสร้างด้วยเงินบริจาคของญาติโยมเมื่อปี 2549 จำนวนประมาณ 8,000,000 บาท (แปดล้านบาท) ก่อนเกิดเหตุอยู่ในระหว่างซ่อมแซมทาสีภายนอกให้ดูสวยงาม เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาพระลูกวัดตื่นขึ้นมาเพื่อออกเดินบิณฑบาต สังเกตเห็นว่ามีเปลวไฟและควัน พวยพุ่งออกมาจากภายในอุโบสถ จึงเปิดประตูดูภายในพบว่าไฟไหม้อยู่บนฝ้าเพดาน ทำให้มีเศษไม้ ติดไฟหล่นลงมาติดพรมและเทียนที่วางบนพื้นจนลุกลามไม่สามารถดับได้ทัน จึงโทรให้รถดับเพลิง อบต.ด่านสวีช่วยดับไว้ทัน แต่สิ่งของเครื่องใช้ ไฟไหม้ทั้งหมดเสียหายหนัก รวมไปถึง องค์พระแกะสลักจากไม้พยุงอายุกว่า 100 ปี จำนวน 2 องค์ สูงประมาณ 165 เซนติเมตร ซึ่งมีประชาชนทางภาคเหนือผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มอบบริจาคก็ถูกไฟไหม้เกรียมเช่นกัน สำหรับเกิดเหตุเพลิงไหม้อุโบสถวัดท้องตมใหญ่ในครั้งนี้ พระครูนิวิฐศิลวัตร หรืออาจารณ์จรัส เจ้าอาวาส สันนิฐานว่า อาจจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากพระลูกว่าที่เห็นเหตุการณ์เป็นคนแรก เห็นเพลิงลุกไหม้บริเวณแผงติดตั้งวงจรไฟฟ้าและบนผ้าเพดานที่มีสายไฟเป็นจำนวนมาก หลังจากนี้ต้องเร่งบูรณะให้กลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด แต่ต้องพึ่งพาพุทธศาสนิกชนร่วมกัน อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุได้เดินทางไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี และตำรวจพิสูจน์หลังฐานจะลงพื้นที่เพื่อหาหลักฐานหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป