นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์เดือนเม.ย.65 อยู่ที่ 117,786 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 12.87% และ 4 เดือนแรก(ม.ค.-เม.ย.65)อยู่ที่ 597,864 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.85% ซึ่งดูจากตัวเลข 4 เดือนแรกปีนี้มีโอกาสที่จะเป็นไปตามเป้าการผลิตปีนี้ที่วางไว้ 1,800,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 800,000 คัน ผลิตเพื่อส่งออก 1,000,000 คัน และยังคงเป้าดังกล่าวเนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามโดยเฉพาะการขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์(ชิป)ที่อาจกระทบต่อการส่งออกได้แม้ว่าล่าสุดเดือนเม.ย.65 การส่งออกจะอยู่ที่ 55,696 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน5.33% และเป็นการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในปีนี้ก็ตาม โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนเม.ย.65 มีทั้งสิ้น 63,427 คันเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.11% จากการผ่อนคลายการล็อกดาวน์และการอนุญาตให้จัดงานสงกรานต์ในวงจำกัด รวมทั้งการส่งมอบรถยนต์ให้ผู้จองรถยนต์ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ ที่สิ้นสุดวันที่ 3 เมษายน เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาส่งผลให้ 4 เดือนแรกยอดขายอยู่ที่ 294,616 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.79% ซึ่งดูจากยอด 4 เดือนเฉลี่ยเกือบ 300,000 คันโอกาสทั้งปีจะเป็น 900,000 คันมีสูงและเป้าเราตั้งไว้ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 800,000คันโอกาสสูงมากจะเป็นไปตามเป้าซึ่งหากมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศมาจำหน่ายในราคาต่ำก็อาจผลักดันให้ยอดจำหน่ายรถรวมะจอยู่ระดับ 850,000-900,000 คันได้ สำหรับยอดการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเม.ย.65 อยู่ที่ 55,696 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.33% ส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกในปีนี้จากรถกระบะเป็นหลัก ทำให้ส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและอเมริกาใต้ส่งผล 4 เดือนแรกปีนี้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 298,720 คันลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.94% เนื่องจากปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนและชิปส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์บางรุ่น รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์ 4 เดือนแรกปีนี้ทั้งเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 273,380.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.74% ทั้งนี้การที่รัฐเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และจะมีมาตรการต่างๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยบวกทำให้แรงซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ซึ่งยอมรับว่าปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะกดดันต่อต้นทุนสินค้าหลายอย่างเพิ่มขึ้น ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงทำให้อำนาจการซื้อของประชาชนลดลงโดยขณะนี้การปล่อยสินเชื่อหรือไฟแนนซ์เพื่อซื้อรถยนต์ไม่ผ่านการพิจารณาเฉลี่ย 30% ของยอดที่ยื่นขอ” ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้ายังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากนโยบายรัฐที่ส่งเสริม โดยจำนวนรถป้ายแดงประเภท พลังงานไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่หรือ BEV เดือนเม.ย.65 จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,232 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 197.58% และ 4 เดือนแรกปีนี้ จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 4,131 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 145.31% ขณะที่จำนวนจดทะเบียนสะสม ณ วันที่ 30 เม.ย.65 BEV มีทั้งสิ้น 15,474 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 113.43% เป็นต้น