กระเพาะหมูกินคน คุ้งน้ำใหญ่กลางบางปะกง สองพ่อลูกเซ่นกระแสน้ำไหลวนสลับสวนทางศพต่อศพ จากเหตุการณ์ก่อนหน้าเพียง 1 สัปดาห์ แม้แต่เซียนปลาประจำถิ่นผู้ประกอบอาชีพอยู่บนผืนน้ำแห่งนี้มาอย่างยาวนานยังไม่รอด ขณะชาวบ้านเชื่อมีอาถรรพ์ หลังเกิดปรากฏการณ์บังเอิญที่ตรงกันและต่อเนื่องหลายด้านอย่างเหลือเชื่อ ส่วนศพก่อนหน้าเพิ่งมีพิธีฌาปนกิจไปในวันนี้
วันที่ 22 พ.ค.65 เวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางกันตพิช(สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี อยู่บ้านต.บ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ภรรยาของนายเกียรติศักดิ์ (สงวนนามสกุล)อายุ 38 ปี ผู้ประกอบอาชีพประมงในลำน้ำบางปะกง และเป็นมารดาของนายณฤพน (สงวนนามสกุล)อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัว อ.บ้านโพธิ์ ที่ติดตามผู้เป็นบิดาออกไปหาปลา แต่ได้ถูกคลื่นจากกระแสน้ำวนในบริเวณคุ้งน้ำบ้านโพธิ์ซัดจนเรือแตกจมหายไปทั้งคู่เมื่อวานนี้ได้ระบุว่า
เมื่อเย็นวานนี้ (21 พ.ค.65) สามีของตนไม่ได้กลับเข้าบ้าน หลังจากออกไปหาปลาในแม่น้ำบางปะกงด้วยกันกับบุตรชาย ซึ่งปกติเขาจะออกไปปักซั้งลอยทุ่นหาปลา และไม่เคยกลับบ้านผิดเวลา โดยตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามีบ้าง หลังจากทั้งสองคนได้หายตัวไปจนข้ามวัน ทั้งที่ปกติเมื่อตกเย็นหรือใกล้จะพลบค่ำเขาก็จะกลับเข้ามาบ้านแล้ว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนพร้อมด้วยญาติจึงได้ออกไปค้นหา ก่อนเข้าแจ้งความบุคคลสูญหายไว้ยังที่ สภ.บ้านโพธิ์ เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้
หลังจากชาวบ้านและหน่วยกู้ภัยฯ ได้เริ่มทำการค้นหาเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. จึงพบซากชิ้นส่วนของเรือบางส่วน ซึ่งเป็นแผ่นไม้กระดานปูท้องเรือที่ลอยมาบนผิวน้ำริมชายตลิ่งใกล้กับท่าเรือบ้านโพธิ์ จึงคาดว่าเรือไม้หางยาวแบบโบราณที่สามีใช้น่าจะแตกเพราะถูกคลื่นในแม่น้ำซัด โดยผู้เป็นสามีได้ทำอาชีพประมงและออกหาปลาในลำน้ำบางปะกงมานานนับสิบปีแล้ว และทำจนเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัว ส่วนบุตรชายที่เสียชีวิตไปนั้นเป็นบุตรชายคนโตจากทั้งหมด 3 คน หลังจากนี้จะตั้งศพสวดบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 3 คืน ยังที่วัดบ้านโพธิ์แห่งนี้ นางกันตพิช กล่าว
ขณะที่ นายสมยศ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี อยู่ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ ผู้เป็นน้าของ นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาคลื่นลมในแม่น้ำบางปะกงพัดแรงมากและยังมีฝนตกลงมาในพื้นที่ในช่วงเวลาเย็น จึงเชื่อว่ากระแสน้ำที่ไหลวน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีสภาพเป็นคุ้งน้ำจึงเกิดเป็นเกลียวคลื่นซัดเรือให้แตกและจมลงกลางแม่น้ำ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีสิ่งที่แปลกประหลาดจนไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น และทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าอาจจะเป็นเรื่องอาถรรพ์ตามความเชื่อของคนโบราณ
เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำในสถานที่เดียวกันกับชาวบ้านที่ออกเรือมาตกปลาเมื่อ 7 วันก่อน ซึ่งเป็นอากับหลานได้ถูกคลื่นกลางแม่น้ำซัดจนเรือล่มจมหายไป 1 รายและรอดชีวิต 1 รายหลังจากได้มีคนมาช่วยไว้ได้ทัน นอกจากนี้ยังพบว่าจุดที่พบศพของ นายณฤพน บุตรชายของหลาน ยังเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบศพของนายพลากร อายุ 42 ปี ผู้เสียชีวิตรายก่อนหน้า ที่บริเวณคุ้งน้ำด้านในฝั่งตรงข้ามกับท่าน้ำวัดบ้านโพธิ์ ใกล้กับท่าเทียบเรือบ้านโพธิ์ เมื่อช่วงเช้ามืด 05.00 น.ของวันที่ 18 พ.ค.65 ที่ผ่านมาด้วย
และในวันนี้หลังจากพบศพของนายณฤพน ที่บริเวณดังกล่าวเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. แล้ว ระหว่างที่หน่วยกู้ภัยในพื้นที่ กำลังลากร่างของผู้เสียชีวิตมาขึ้นยังที่ท่าน้ำวัดบ้านโพธิ์ได้มีศพของนายเกียรติศักดิ์ ผู้เป็นบิดาผุดลอยขึ้นมาขวางหน้าลำเรือที่กำลังลากศพของผู้เป็นบุตรชายที่กลางแม่น้ำบางปะกงอีก 1 ศพ เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากที่จะพบศพทั้ง 2 พ่อลูกในเวลาไร่เรี่ยกัน และยังลอยขึ้นเหนือน้ำเร็วกว่าผู้เสียชีวิตจมน้ำทั่วไป ที่ปกติประจมน้ำอยู่ประมาณ 3 วัน แต่ทั้งสองพ่อลูกได้ลอยขึ้นมาเหนือน้ำในเวลาเพียงประมาณ 1 วันเท่านั้น
ขณะที่การเสียชีวิตของทั้งสองพ่อลูกในครั้งนี้ ยังเป็นการเสียชีวิตแบบต่อเนื่องจากนายพลากร วงษ์หอย รายก่อนหน้าในจุดเดียวกัน ที่เพิ่งจะมีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพไปในวันนี้ที่วัดกระทุ่ม ใน ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ หลังจากเรือคว่ำจมน้ำหายไปเมื่อวันที่ 16 พ.ค.65 ก่อนลอยขึ้นมาในวันที่ 18 พ.ค.65 หรือประมาณ 2 วัน อีกทั้งนายเกียรติศักดิ์ ยังเป็นชาวบ้านผู้ที่ออกมาร่วมช่วยกันค้นหาร่างของนายพลากร ในฐานะชาวประมงผู้ชำนาญพื้นที่ในคุ้งน้ำแห่งอีกด้วย โดยเขาเป็นไต๋เรือรับจ้างพาคนตกปลา
แต่สุดท้ายกลับต้องมากลายเป็นผู้สูญหายและเสียชีวิตไปเสียเองในเวลาไล่เลี่ยกัน ลักษณะเรียงต่อเนื่องกันแบบศพต่อศพ ทั้งยังเป็นเหตุการณ์ที่มีคนออกเรือไปแบบคู่กัน ทั้ง 2 เหตุการณ์ คือ คู่แรกเป็นอากับหลาน ส่วนคู่นี้เป็นพ่อกับลูก ซึ่งคาดว่าสาเหตุที่นายเกียรติศักดิ์ จมน้ำหายไปทั้งที่เป็นผู้ชำนาญทางน้ำในพื้นที่นั้น น่าจะพยายามเข้าไปช่วยเหลือผู้เป็นบุตรชายที่ยังว่ายน้ำไม่เก่ง หลังจากเรือถูกคลื่นซัดจนแตกล่มลงแล้วจึงพากันจมน้ำหายไปทั้งคู่ นายสมยศ กล่าว
ด้าน นายสมพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี อยู่บ้านต.หนองบัว อ.บ้านโพธิ์ เพื่อนร่วมอาชีพที่เคยออกเรือทำประมงด้วยกันบ่อยครั้ง กล่าวว่า ตนเองเป็นคนฝึกสอนการทำประมงในแม่น้ำบางปะกงให้แก่นายเกียรติศักดิ์เอง และทำอาชีพนี้กันมานานหลายสิบปีแล้ว และยังเคยเตือนผู้ตายเมื่อช่วงที่กำลังค้นหาร่างของนายพลากร ผู้สูญกายรายก่อนหน้าว่า “ให้ระวังอย่าออกเรือในเวลากลางคืน เพราะชีวิตมีชีวิตเดียว” แต่สุดท้ายเขากลับมาเสียชีวิตลงในที่สุด
โดยปกติผู้ตายจะใช้เรือออกหาปลาอยู่จำนวน 2 ลำ คือ เรือมาด ซึ่งเป็นเรือลำใหญ่ใช้สำหรับออกไปตกปลา และเรือเป็ดลำที่แตกและล่มลงจนเสียชีวิตนั้น ใช้สำหรับทอดแหตกกุ้ง โดยเรือลำที่ล่มมีขนาดกว้างเพียงประมาณ 1 เมตรยาวประมาณ 4 เมตร รวมความยาวหัวและท้ายเรือแล้วประมาณ 5 เมตรเท่านั้น นายสมพงษ์ กล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อรายงานเพิ่มเติมว่า ได้สังเกตเห็นลักษณะของคลื่นน้ำในบริเวณคุ้งน้ำดังกล่าวนั้นระหว่างการถ่ายภาพ พบว่าลักษณะการพัดไหลของน้ำนั้น มีความสลับซับซ้อน โดยที่ผิวน้ำมีคลื่นลอนเล็กละเอียดอยู่บนผิวน้ำและมีทิศทางการไหลไปตามกระแสน้ำที่ไหลลง แต่เมื่อมีลมเหนือผิวน้ำพัดสวนทางมาจากทางทิศใต้ กลับมีคลื่นลอนที่มีขนาดใหญ่กว่ามากพัดสวนกระแสน้ำขึ้นมา และหนุนคลื่นลอนเล็กๆ ให้สูงขึ้นจนเกิดการบิดตัวที่ใต้น้ำในทิศทางการไหลที่สวนกระแสน้ำลง จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เรือขนาดเล็กเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ง่าย