นิพนธ์ เดินสายล่องใต้สร้างความเชื่อมั่นพรรคปชป. ลั่นกลางวงระดมสมอง ปชป.ไม่มีวันตาย ด้าน"เทพไท" เย้ย 8 ปี คสช. เสียของซ้ำซาก ล้มเหลวทุกด้าน ไม่คุ้มค่ากับปชต.ที่เสียไป ขณะที่ประชุมวุฒิฯนัดแรก จับตาเห็นชอบ กสม. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา ครั้งแรกของสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ.2565 ในวันที่ 23 - 24 พ.ค. โดยมีวาระประชุมที่ต้องจับตา คือการลงมติให้ความเห็นชอบ น.ส.สุภัทรา นาคะผิว ผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ ให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตามที่คณะกรรมการสรรหาเสนอชื่อและคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อตรวจสอบประวัติ ความพระพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม วุฒิสภา ที่มี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกวุฒิสภา เป็นประธานกรรมาธิการฯ เสนอรายงาน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนั้น วุฒิสภามีวาระแต่งตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำหน่งกรรมการในองค์กรอิสระ และ ศาล ได้แก่ กรรมการป้องกันการปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) คือ นายภูมิวิศาล เกษมสุข รองเลขาธิการ ป.ป.ท. , กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คือ นายอารยะ ปรีชาเมตตา อาจารย์สาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประธานศาลปกครองสูงสุดคือ นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ รองประธานศาลปกครองสูงสุด และตุลาการศาลปกครองสูงสุด ที่เสนอให้วุฒิสภาพิจารณา 3 คน คือ นายสมชาย กิจสนาโยธิน ข้าราชการบำนาญกะทรวงสาธารณสุข, นายบรรยาย นาคยศ กรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม สำนักงาน ก.พ. และพล.ท.สุรพงศ์ เปรมบัญญัติ ข้าราชการบำนาญกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ในช่วงเช้าของวันที่ 22 พ.ค.65 สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้เข้าทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในห้องประชุมพระจันทรา ซึ่งใช้เป็นห้องสำหรับการประชุมวุฒิสภาที่จะมีขึ้นเป็นนัดแรกของสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. 2565 นอกจากนี้ยังได้ฉีดพ่นน้ำยาทำความสะอาดบริเวณจุดต่าง ๆ โดยรอบภายในอาคารวุฒิสภา ได้แก่ บริเวณหน้าห้องประชุมวุฒิสภา ห้องรับประทานอาหารสมาชิกวุฒิสภา ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ ห้องทำงานสมาชิกวุฒิสภา บริเวณโถงลิฟท์ โถงทางเดิน รวมถึงบันไดหนีไฟทุกชั้น ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สมาชิกวุฒิสภาตลอดจนบุคลากรในการปฏิบัติงานต่อไป วันเดียวกัน นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดเวทีระดมความคิดนำน้ำน้อยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่โรงแรมต้นอ้อย แกรนด์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมี นายสมยศ พลายด้วง ผู้สมัครส.ส.เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ จ.สงขลา นายกเทศมนตรีตำบลน้ำน้อย พร้อมด้วยคณะกรรมการสาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 จ.สงขลา แกนนำระดับตำบล และแกนนำระดับหมู่บ้าน ร่วมในเวทีฯ โดยการระดมความคิดเห็นในครั้งนี้ คณะกรรมการสาขาพรรค ร่วมกับคณะทำงานของนายสมยศ พลายด้วง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.สงขลา ได้จัดตั้งแกนนำระดับตำบล แกนนำระดับหมู่บ้าน เพื่อให้การประสานงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลครอบคลุมในพื้นที่ในตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่ เพื่อที่จะทำงานร่วมกันระหว่างคณะกรรมการสาขาพรรคและพรรค วันนี้จึงได้จัดเวทีระดมความคิดเห็นน้ำน้อยสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นแกนนำระดับตำบล และแกนนำระดับหมู่บ้านเข้าประชุมร่วมกว่า 300 คน นายนิพนธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณนายสมยศ พลายด้วง ผู้สมัคร ส.ส.ปชป. เขต 3 จ.สงขลา ที่มีความตั้งใจจัดระดมความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนเป็นครั้งที่ 3 แล้ว รวมถึงคณะกรรมการสาขาพรรค ซึ่งการระดมความคิดเห็นจากพี่น้องประชาขนในตำบลน้ำน้อย เพื่อที่จะได้ทราบปัญหา หรือมีนโยบายอะไรที่ประชาชนต้องการ ทางพรรคก็จะได้นำข้อคิดเห็นเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาจากพรรค เพื่อที่จะได้นำแนวคิดเห็นเหล่านี้ นำไปสู่นโยบายของพรรคต่อไป นี่คือวิสัยทัศน์ที่ดีเลิศ ทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างสังคม หรือนโยบายอื่นๆที่จะให้ท้องถิ่นทำ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาลตำบลน้ำน้อย หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาทำ หรือให้พรรคปชป.ทำ นี่คือสิ่งที่สุดยอดที่สุด โดยมาจากพื้นฐานที่ดีที่สุด นั่นคือจากพี่น้องประชาชนโดยตรง เพื่อชาวบ้านจะได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน และพัฒนาท้องถิ่นของพวกเรา รวมถึงนโยบายด้านการศึกษา รวมถึงศูนย์เด็กเล็กว่าเขาทำกันอย่างไร โดยเริ่มจากเด็กเล็กก่อนให้รู้จักในเรื่องของการมีระเบียบวินัย เพราะบ้านเราขาดในเรื่องของวินัย ดังนั้นจึงต้องเริ่มจากศูนย์เด็กเล็ก นี่คือสิ่งที่จะทำให้เด็กเข้มแข็งได้ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ในส่วนความหมายของท้องถิ่นเข้มแข็ง พรรคส่งเสริมเรื่องของการกระจายอำนาจอย่างแน่นอน ขอยืนยันในฐานะรองหัวหน้าพรรคและเป็นคนที่เชื่อเรื่องของการกระจายอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในพรรค เพราะเชื่อว่าถ้าท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศไทยก็เข้มแข็ง หลักการนี้ให้ทุกคนสบายใจได้ว่าพรรคประกาศอุดมการณ์ข้อ 5 ในเรื่องของการกระจายอำนาจ และขอยืนยันว่านี่คืออุดมการณ์ของพรรค และขอให้เชื่อมั่นในกรรมการบริหารพรรคยุคใหม่ที่มีแนวทางการทำงาน"ทำได้ไว ทำได้จริง" จะนำพาพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นขวัญใจพี่น้องคนไทยทั้งประเทศไปสู่หนทางที่ดี ที่ประชาชนอยากเห็นและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ หากถามถึงเรื่องการแข่งขันในสนามเลือกตั้งในปัจจุบันที่มีเรื่องกระแสเรื่องเงินมามาเกี่ยวข้องนั้น ขอย้ำให้ทุกท่านรับทราบว่ากรรมการบริหารพรรคเข้าใจสภาพดังกล่าวเป็นอย่างดี ขอย้ำตรงนี้ว่าแม้เงินอาจจะไม่ใช่พระเจ้า แต่คนของพระเจ้าก็ต้องใช้เงิน ดังนั้นขอให้สื่อสารให้เป็นที่รับรู้กันไปเลยว่า ประชาธิปัตย์ ไม่มีวันตาย ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมา 76 ปี ย่างเข้าปีที่ 77 แสดงให้เห็นถึงการหยั่งรากลึกความเชื่อความศรัทธาและความคาดหวังของประชาชนทั้งแผ่นดิน ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า การรัฐประหารของคณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง เมื่อปี 2549 และปี 2557 นับว่าเป็นความเสียของทั้ง 2 ครั้ง และไม่คุ้มค่าต่อการสูญเสียประชาธิปไตยของประเทศ วันนี้เป็นวันครบรอบ 8 ปี การทำรัฐประหารของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง จากวิกฤตการณ์ทางการเมืองของประเทศ ที่การเมืองเจอทางตัน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังนี้ คือ 1.รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ลุแกอำนาจออก พรก.นิรโทษกรรม แบบเหมาเข่ง เพื่อล้างผิดให้คนโกง ท่ามกลางการต่อต้านของทุกฝ่าย 2.การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จากการออก พรก.นิรโทษกรรม เป็นการชุมนุมที่ยืดเยื้อยาวนาน จนเกิดการเผชิญหน้ากับการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่สนับสนุนรัฐบาล 3.รัฐบาลรักษาการ ที่มี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่ยอมลาออกจากการเป็นรัฐบาลรักษาการ 4.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะนายทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ เพื่อควบคุมการบริหารประเทศ การที่พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำการรัฐประหาร และเป็นรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2557 จนมีการสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญปี 2560 รวมระยะเวลา 8 ปี ซึ่งเท่ากับวาระของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง 2 สมัย ซึ่งเป็นเวลายาวนานเพียงพอ ที่จะปฏิรูปประเทศ พัฒนาประเทศให้สำเร็จตามที่ประกาศไว้ได้ ตลอดระยะเวลา 8 ปี ของการรัฐประหาร และการสืบทอดอำนาจ เกิดสภาพความล้มเหลวในหลายๆด้าน เช่น 1.ด้านประชาธิปไตย มีแต่ถอยหลังเข้าคลอง ไม่มีการแก้ใขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยตามหลักสากล 2.ด้านการปฏิรูปประเทศในทุกด้าน ไม่มีความคืบหน้า และประสบความสำเร็จ ให้เห็นเป็นรูปธรรมเลย 3.ด้านการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น มีความล้มเหลว การทุจริตยังเกิดขึ้น ทุกหน่วยงาน ทุกระดับ ไม่มีทีท่าจะลดลงเลย 4.ด้านการเมือง มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ในการเลือกตั้งทุกระดับมากที่สุด มากกว่ายุคใดๆ 5.ด้านเศรษฐกิจ มีการใช้นโยบายแบบประชานิยม แจกเงินให้กับประชาชน ไม่ต่างกับรัฐบาลระบอบทักษิณ ก่อหนี้ให้กับประเทศมากที่สุด และประชาชนมีความยากจนเพิ่มขึ้น 6.ด้านสังคม มีการระบาดของยาเสพติดอย่างแพร่หลาย คนติดยาก่อปัญหาทำร้ายคนในครอบครัว มีการฆ่าตัวตาย ปรากฎเป็นข่าวรายวัน 7.ด้านความสงบเรียบร้อยของประเทศ ที่เคยประกาศว่า ต้องการความสงบจบที่ลุงตู่ ก็ไม่เป็นจริงตามที่ประกาศไว้ ความขัดแย้งทางการเมืองยังคงอยู่ การสลายสีเสื้อล้มเหลว การเมืองยังแบ่งฝ่าย เลือกข้างกันอยู่ และเป็นยุคที่มีสถาบันเบื้องสูง ถูกนำมาเคลื่อนไหวทางการเมืองมากที่สุด "ผมขอประกาศจุดยืนทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งว่า ผมไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนการรัฐประหาร จะขอยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป" นายเทพไท กล่าว