เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันที่ 21 พฤษภาคม 2565 ชาวบ้านแถบชายทะเลปากอ่าวสมุทรสาคร ได้พบซากวาฬขนาดใหญ่ลอยเข้ามาติดบริเวณป่าชายเลนในเขตพื้นที่รอยต่อระหว่างหมู่ที่ 8 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร กับ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ จึงได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ โดยการนำของนายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายพรเทพ ทองดี ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่าย สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 (สมุทรสาคร) นายสัตวแพทย์จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก (สมุทรสาคร) และ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก (ฉะเชิงเทรา) พร้อมกับทำการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อส่วนต่างๆ ที่สำคัญเพื่อนำไปตรวจหาสายพันธุ์ เพศ อายุ และสาเหตุการตาย ตลอดจนข้อมูลอื่นๆที่สำคัญต่อการดำรงอยู่และการตายของวาฬ สำหรับซากวาฬที่พบตัวนี้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้นเป็นวาฬสายพันธุ์บรูด้า ที่ยังคงมีอยู่ในอ่าวไทยประมาณ 60 – 80 ตัว ขณะที่เพศนั้นยังระบุที่ชัดเจนไม่ได้แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพศเมีย ขนาดความยาวตลอดลำตั้งตั้งแต่หัวจรดหางอยู่ที่ 11.3 เมตร น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 ตัน สภาพโดยทั่วไปผิวหนังเริ่มเปื่อยยุ่ย ส่งกลิ่นเน่าเหม็น แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าตายมากี่วันแล้ว และตายด้วยสาเหตุอะไร เพราะสภาพผิวหนังภายนอกไม่พบการฟกช้ำแต่อย่างใดทั้งสิ้น รวมถึงอายุของวาฬบรูด้าตัวนี้ก็ยังไม่สามารถบอกได้ ซึ่งทางสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะต้องนำชิ้นเนื้อและส่วนต่างๆ ที่เก็บตัวอย่างไว้ไปตรวจพิสูจน์ให้ชัดเจนเสียก่อน สำหรับการดำเนินการกับซากวาฬบรูด้าตัวนี้ คือ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องชำแหละชิ้นเนื้อออกจากกระดูกให้หมด จากนั้นจะนำกระดูกไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก (สมุทรสาคร) เนื่องจากวาฬบรูด้าเป็นสัตว์ป่าสงวน ส่วนชิ้นเนื้อที่ชำแหละแล้วก็ได้ประสานกับทางนายกสมาคมการประมงสมุทรสาครขออวนเอามาล้อมไว้ เพื่อนำไปฝังกลบไม่ให้ลอยกลับลงไปในทะเลอันจะเป็นการทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำและสร้างมลภาวะให้กับทางทะเล ด้านเจ้าของร้านอาหารรักทะเล ซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งที่พบซากวาฬบรูด้า บอกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณช่วงเย็นของวานนี้ (20 พ.ค.) มีชาวประมงที่ออกเรือแถวๆ ชายทะเล พบซากวาฬลอยอยู่ แต่ยังไม่ลอยมาติดริมป่าชายเลน จนกระทั่งเมื่อเช้านี้ตนก็พบว่ามีซากวาฬลอยเข้ามาติด จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งในพื้นที่แถบนี้ไม่เคยพบซากวาฬตายมาก่อนเลย จะมีก็เพียงแค่โลมาเท่านั้น