นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน.ว่า แม้กระทรวงการคลังจะต่ออายุลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตรนาน 2 เดือน แต่จะไม่มีผลต่อราคาขายปลีกหน้าปั๊มลดลงจากลิตรละ 32 บาท เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงติดลบและมีโอกาสทะลุแสนล้านบาท โดยระบุว่า กรณีดังกล่าวทางกลุ่มผู้ประกอบการต้องกลับไปเจรจากับลูกค้าผู้ใช้บริการขนส่งอีกรอบ หลังจากที่เตรียมปรับขึ้นค่าบริการอีก 15 - 20% ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ แต่ลูกค้าได้ขอชะลอไว้ หลัง ครม. มีมติดังกล่าว ทำให้ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. นี้ กลุ่มผู้ประกอบการทั้งหมดจะขึ้นราคาค่าขนส่งอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการบางส่วนได้ขึ้นค่าขนส่งไปแล้วเฉลี่ย 20% ตั้งแต่รัฐบาลลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล โดยทางสหพันธ์ฯ ยืนยันว่า หากราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกลดลงจาก 32 บาทต่อลิตร จะลดค่าขนส่ง 3% ต่อ ราคาน้ำมันที่ลดลง 1 บาท นายอภิชาติ กล่าวว่า ทางสหพันธ์ฯ ยืนยัน เรียกร้องให้รัฐบาลนำไบโอดีเซล ซึ่งราคาสูงมากถึงลิตรละ 70 บาท ที่ใช้ผสมน้ำมันออกจากระบบชั่วคราว จนกว่าราคาน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อช่วยลดราคาน้ำมันดีเซลลงได้ 1.50 - 2 บาทต่อลิตร เพราะขณะนี้ ราคาปาล์มน้ำมันในตลาดแพงขึ้นถึง กิโลกรัมละ 11 - 12 บาท สูงกว่าราคาประกันที่รัฐบาลให้แล้ว เนื่องจากเป็นที่ต้องการในตลาดโลกและอินโดนีเซียยังระงับการส่งออกน้ำมันปาล์ม มองว่าเกษตรกรจะไม่เดือดร้อน และรัฐบาลสามารถใช้โอกาสนี้ ส่งเสริมให้ส่งออกน้ำมันปาล์มได้ ถ้าถอดไบโอดีเซลออกจาก ส่วนผสมน้ำมันเพื่อการขนส่ง นายอภิชาติ ยังกล่าวถึงกระบวนการส่วยสติ๊กเกอร์ว่า กำลังระบาดหนักในช่วงน้ำมันแพง รถบรรทุกราว 50,000 - 100,000 คัน ลักลอบขนสินค้าเกินพิกัดที่กฎหมายกำหนด เฉลี่ยถึงเท่าตัวต่อรอบ ซึ่งทางสมาชิกสหพันธ์ฯ ทั่วประเทศไทยร่วมมือกันตรวจสอบ และทำงานร่วมกับตำรวจทางหลวง เบื้องต้นพบว่าราคาสติกเกอร์สูงถึง 25,000 บาทต่อใบ หากคำนวณอย่างง่าย เบื้องต้นพบว่ามีรายได้เข้ากระเป๋าผู้ร่วมขบวนการส่วนนี้ ไม่ต่ำกว่า 1,250 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งสมาชิกสหพันธ์ ที่เป็นเครือข่ายคอยสอดส่องดูแล มีทั้งคลิปวิดีโอและภาพถ่าย และจะเดินหน้าเรียกร้องให้ปรับปรามการกระทำดังกล่าวอย่างเต็มที่