เดิมเกษตรกรภายในชุมชนบ้านครึ่งใต้-ประชาภิวัฒน์ประกอบอาชีพเกษตรกรรมแบบต่างคนต่างทำ แต่ประสบปัญหาทางทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย มีต้นทุนในการทำนาสูง ใช้ปุ๋ยและสารเคมีเป็นจำนวนมากทำให้ขาดทุน ชาวบ้านจึงต้องการลดต้นทุนการผลิตข้าว ลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมี เพิ่มผลผลิตข้าวให้มากขึ้น ซึ่งในขณะนั้นทางสำนักงานเกษตรอำเภอเชียงของได้แนะนำให้เข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ จึงเกิดการรวมกลุ่มสมาชิกกลายเป็นแปลงใหญ่ข้าวกลุ่มธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนบ้านครึ่งใต้–ประชาภิวัฒน์ ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันมีสมาชิก 142 ราย พื้นที่การเพาะปลูก 2,493.50 ไร่ นายชาญวิทย์ รอดเกิด นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอเชียงของ กล่าวว่า ทางสำนักงานเกษตรอำเภอเชียงของได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการให้ความรู้ สนับสนุนด้านโครงการต่าง ๆ พัฒนาเกษตรกรในทุกด้าน เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกข้าวแต่ละชนิด แนะนำการเลือกพันธุ์ข้าวที่ดี ทำให้เกษตรกรสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวใช้เองได้ มีการตรวจวิเคราะห์ดินก่อนการผลิต ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยและใส่ปุ๋ยให้ตรงตามพันธุ์ข้าวแต่ละชนิด รวมไปถึงการแปรรูปเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาด นายบำเพ็ญ กองจันทร์ ประธานแปลงใหญ่ข้าวฯ เล่าว่า แปลงใหญ่ข้าวฯของเรา ได้เข้าร่วมโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่เมื่อปี 2560 และในปี 2564 กลุ่มได้มีการเข้าร่วมโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 3,000,000 บาท ได้รับเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ง่ายต่อการผลิตมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงมีต้นทุนที่ลดลงและผลผลิตมีคุณภาพ เช่น รถเกี่ยวนวดข้าว โดรนพ่นสารชีวภาพ เครื่องอัดฟาง เครื่องตัดหญ้า รถแทรกเตอร์ รวม 5 รายการ ทำให้สมาชิกในกลุ่มสามารถผลิตข้าวจนได้รับมาตรฐาน GAP ทั้งหมด 100 ราย ด้านนายสมเพชร ทะชัย กรรมการที่ปรึกษาแปลงใหญ่ข้าวฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันแผนการผลิตของกลุ่มเราคือ นำข้าวของสมาชิกที่ผ่านมาตรฐาน GAP ประมาณร้อยละ 80% มาแปรรูปเป็นข้าว เช่น ข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นต้น ภายใต้แบรนด์ปิฎก 310 และสามารถผลิตเป็นกระเช้าหวายของขวัญได้อีกด้วย โดยในปี 2563 มีเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมการเกษตรได้เข้ามาส่งเสริมในด้านการตลาด และได้ทำ MOU ร่วมกับ 5 ร ได้แก่ โรงเรียน โรงแรม โรงพยาบาล ร้านอาหาร รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานราชการในอำเภอเชียงของ สามารถขยายตลาดการส่งออกข้าวทั้งตลาดภายใน ภายนอก และตลาดออนไลน์ของกลุ่มได้มากขึ้น สำหรับกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวฯแห่งนี้ เป็นกลุ่มที่มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว มีความสามัคคี มีรูปแบบการบริหารกลุ่มที่ดี มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องทุกปี และในส่วนของปี 2565 ทางสำนักงานเกษตรอำเภอเชียงของ ได้ทำโครงการเกี่ยวกับรถปลูกข้าว โรงอบขนาดใหญ่โดยใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะสามารถลดในเรื่องของเวลา และเพิ่มปริมาณการอบได้มากขึ้นถึง 10 ตัน นายชาญวิทย์ รอดเกิด กล่าว.