วันที่ 28 เม.ย.65 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังอนุญาตให้นายฟาน จี๊ ทัญ (H.E. Mr. Phan Chi Thanh) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย เข้าพบและหารือความสัมพันธ์ด้านการเกษตรระหว่างไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เข้าร่วมหารือด้านการเกษตรระหว่างไทยกับเวียด เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการเกษตรระหว่างกัน รวมถึงเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองฝ่ายจะพัฒนาและยกระดับความสัมพันธ์ด้านการค้าและด้านเกษตรให้เกิดผลเป็นรูปธรรมของทั้งสองประเทศต่อไป รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ว่าการหารือกับเอกอัครราชทูตฯ เวียดนามในวันนี้เป็นโอกาสดีที่ได้กระชับความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม ซึ่งทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน โดยในปี 2564 ไทยและเวียดนามฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต ครบรอบ 45 ปี ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนั้น ได้พัฒนาไปอย่างมากทั้งด้านการเกษตร การค้า และการเมือง โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเวียดนาม เมื่อปี 2564 มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์และตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 25,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2568 ทั้งนี้ไทยเป็นประเทศคู่ค้าและประเทศลงทุนหลักของเวียดนาม ปัจจุบันกระทรวงเกษตรฯ มีกรอบความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบทเวียดนามภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร ผ่านกลไกการประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการเกษตร (Joint Working Group on Agricultural Cooperation-JWG) ไทย-เวียดนาม และบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการบังคับใช้มาตรการ SPS ไทย-เวียดนาม ผ่านกลไกการประชุมด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) จึงขอให้ฝ่ายเวียดนามช่วยอัพเดทชื่อและอีเมลของผู้ประสานงาน (Contact Point) ของฝ่ายเวียดนาม สำหรับการประสานงานในรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดประชุมทั้งสองต่อไปสำหรับประเด็นคงค้างการเปิดตลาดผลไม้ระหว่างกัน ฝ่ายไทยขอให้เวียดนามยกเลิกการระงับการนำเข้ามะม่วงและเงาะจากไทย และเร่งรัดให้เวียดนามจัดการประชุมด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ครั้งที่สอง ซึ่งเป็นวาระที่ฝ่ายเวียดนามเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้หน่วยงานรับผิดชอบของทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นคงค้าง ด้าน SPS ระหว่างกัน รวมทั้งหารือแนวทางการปรับปรุง MOU ให้มีความทันสมัยต่อไป ในโอกาสนี้ ฝ่ายเวียดนามได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารระดับสูง และผู้เชี่ยวชาญ เดินทางมาเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในระดับสูง รวมทั้งหารือแลกเปลี่ยนนโยบาย ความรู้ และความร่วมมือในสาขาต่างๆ โอกาสที่เหมาะสมต่อไป