วันที่ 30 ม.ค.65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุค ภายหลังรู้ผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม.เขต 9 โดยระบุว่า " ผลการเลือกตั้งซ่อม เขตจตุจักร-หลักสี่ ฝ่ายไม่เอาประยุทธ์ ชนะฝ่ายหนุนประยุทธ์ พรรคซ้ายจัด คะแนนชนะพรรคขวาจัด ผมเคยแสดงความเห็นไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 (จตุจักร-หลักสี่)ในครั้งนี้ จะเป็นดัชนีชี้วัดความนิยม ในตัวพลเอกประยุทธ์ ได้ระดับหนึ่ง เพราะระหว่างมีการหาเสียงรณรงค์หาเสียงนั้น มีพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ได้แบ่งออกเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน กล่าวคือ กลุ่มพรรคการเมืองที่ประกาศจุดยืนไม่เอาพลเอกประยุทธ์ เช่น พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคไทยศรีวิไลซ์ และมีพรรคการเมือง ที่ประกาศจุดยืนสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เช่น พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยภักดี และพรรคกล้า เมื่อผลการเลือกตั้งซ่อมออกมาแล้ว ถ้านำคะแนนของฝ่ายที่ไม่เอา พลเอกประยุทธ์ ทั้ง 3 พรรคมารวมกัน คือ พรรคเพื่อไทย 29,416 คะแนน พรรคก้าวไกล 20,361 คะแนน พรรคไทยศิวิไลซ์ 244 คะแนน รวมทั้งหมด 50,021 คะแนน ส่วนพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปคือ พรรคกล้า 20,047 คะแนน พรรคพลังประชารัฐ 7,906 คะแนน พรรคไทยภักดี 5,987 คะแนน รวมทั้งหมด 33,940 คะแนน ถ้าวิเคราะห์จากตัวเลขของคะแนนผ่านพรรคการเมืองทั้ง 2 กลุ่มแล้ว จะเห็นได้ชัดว่า คนกรุงเทพในเขต 9 คือ เขตจตุจักร เขตหลักสี่ เลือกพรรคที่ไม่เอาพลเอกประยุทธ์ มากกว่าเลือกพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ มากพอสมควร ซึ่งอาจจะกระทบต่อสถานะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ อยากจะตั้งข้อสังเกต ในเรื่องการรณรงค์หาเสียงของพรรคการเมืองอย่างน้อย 2 พรรค ที่เรียกกันว่า พรรคขวาจัด คือพรรคไทยภักดี ได้คะแนน 5,987 คะแนน ส่วนพรรคที่เรียกกันว่า พรรคซ้ายสุดขั้ว คือพรรคก้าวไกล ได้ 20,361 คะแนน ถ้าพิจารณาจากคะแนนนิยมของพรรคการเมือง 2 พรรคนี้ น่าจะอธิบายเหตุผลทางการเมืองในบางประเด็นได้พอสมควร ผมขอแสดงความยินดีกับ คุณสุรชาติ เทียนทอง และพรรคเพื่อไทย ที่ได้รับความไว้วางใจจาก พี่น้องประชาชนชาวเขตจตุจักร เขตหลักสี่ ในครั้งนี้ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จ ในการทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง และขอให้กำลังใจกับผู้พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ขอให้เตรียมตัวเตรียมความพร้อม เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ก็เป็นไปได้"