เมื่อวันที่ 26 ม.ค.65 นพ.โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สถานการณ์โอไมครอนในประเทศมีแนวโน้มจะไม่มีการระบาดที่รุนแรงตามที่กังวลกัน จากมาตรการที่ทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และมาตรการป้องกันส่วนบุคคล ยังเป็นมาตรการสำคัญที่คนไทยให้ความร่วมมือดีมาก รวมท้้งมาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง และการตรวจเอทีเคเป็นระยะในกลุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องระมัดระวัง ขณะที่แนวทางการบริหารจัดการวัคซีน ตามนโยบายสธ.ที่ให้เร่งรัดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก เป็นวัคซีนฝาส้ม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ล็อแตแรก 3 แสนโดสได้มาถึงประเทศไทยแล้ว โดยไตรมาสแรกจะส่งมา 3.5 ล้านโดส ซึ่งจะเป็น 10 ล้านโดส ตามที่ครม.จัดซื้อ คาดจะเพียงพอกับเด็ก 5-11 ปี ขั้นตอนต่อไปจะส่งเอกสารให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และมีการกระจายไปยังจุดฉีดปลายทาง เริ่มฉีด 31 ม.ค.65 โดยเริ่มที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี นพ.โอภาสกล่าวว่า ไฟเซอร์ในเด็กเล็ก 1 ขวดครั้งนี้ จากเดิมฉีด 6 คน แบบใหม่แตกต่างที่ฝาส้ม ตัวยามีวัคซีนเข้มข้น 1.3 มม. ต้องละลายน้ำเกลือ 1.3 ซีซี จะได้ 2.6 มม. 1 ขวดฉีดได้ 10 คน คราวนี้ฉีด 0.2 ซีซี เที่ยวนี้ปรับสูตรเก็บได้นานข้นสงสด 10 สัปดห์ กำหนดการฉีด 2 คร้งห่างกัน 10-12 สัปดาห์ คราวนีจะให้ฉีดที่โรงเรียนเป็นหลัก ส่วนเด็กเล็กใน 7 กลุ่มเสี่ยงให้ฉีดที่รพ. ทั้งนี้ ให้ผู้ปกครองและ แพทย์ตัดสินใจ ตามความประสงค์ของผู้ปกครองเป็นหลัก ไม่มีบังคับ โดยอาการข้งเคียงไม่รุนแรง มีไข้ ปวดบวม ใน 1-2 วัน เมื่อเทียบกับฉีดเด็กโต ข้อมูลพบผลในเด้กเล็กค่อนข้างน้อยกว่า เพราะปริมาณฉีดนีอยกว่า จึงขอให้ผู้ปกครองไม่ต้องกังวล ทั้งนี้ กำหนดระยะห่่าง 1.ถ้าฉีดโดยรร.เป็นศูนย์กลางที่ 8 สัปดาห์ 2.ฉีดในเด็กป่วยมีโรคประจำตัว มีรพ.เป็นศูนย์ มีแพทย์ที่รู้ข้อมูลอยู่ในวง 3-12 สัปดาห์ ตามเหมาะสม อยางไรก็ตาม เพื่อไม่ประมาทขอให้สังเกตตั้งแต่เข็มแรก หากมีอาการเจ็บหน้าอก หายใจเร็ว เหนื่อยง่าย ใจสั่น โดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัว หากมีไข้สูง ทานอาหารไม่ได้ ขอให้รีบไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน