นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Chalermchai Boonyaleepun ระบุว่า... ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 สูตรไขว้ ได้ผลดีมาก ยืนยันจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Oxford ที่บราซิล บราซิลเป็นประเทศที่มีการระบาดของโควิดและมีเชื้อกลายพันธุ์ที่มีความรุนแรงและการดื้อต่อวัคซีนมากที่สุดประเทศหนึ่ง จึงเป็นประเทศที่วัคซีนหลายชนิดได้ไปทำการทดลองและวิจัย เช่น วัคซีนไวรัสเป็นพาหะของ AstraZeneca และวัคซีนเชื้อตายของ Sinovac เป็นต้น โดยการวิจัยในช่วงแรกพบว่า การฉีดวัคซีนเชื้อตายของ Sinovac 2 เข็มให้ประสิทธิผลในการป้องกัน ที่แตกต่างกันใน 3 ประเทศ ได้แก่ ตุรกี 83.5% ชิลี 65.9% และบราซิล 50.7% ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากชนิดไวรัสที่ดื้อต่อวัคซีนที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ แต่เมื่อดูเรื่องประสิทธิผลในการป้องกันการนอนโรงพยาบาล ในบราซิลเพิ่มขึ้นเป็น 83.7% และชิลีเพิ่มขึ้นเป็น 87.5% อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นก็มีผลการวิจัยอีกหลายประเทศทั่วโลก ที่พบระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนของวัคซีน mRNA และไวรัสเป็นพาหะที่สูงมากกว่าวัคซีนเชื้อตาย ประกอบกับมีข้อมูลการศึกษาจากประเทศไทยที่พบว่า การฉีดวัคซีนสูตรไขว้ (Heterologous) โดยเริ่มต้นด้วยวัคซีนเชื้อตาย แล้วตามด้วยวัคซีนไวรัสเป็นพาหะหรือ mRNA ได้ผลดีมาก จึงทำให้กระทรวงสาธารณสุขบราซิลสนับสนุนทุนวิจัย และให้นักวิจัยร่วมกันศึกษาระหว่างทีมของมหาวิทยาลัย Oxford กับของบราซิลเอง ได้ทำการศึกษาวิจัยวัคซีนสูตรไขว้ในทำนองเดียวกับประเทศไทย แต่ใช้กลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ 1250 ราย และล่าสุดได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ระดับโลกคือ Lancet แล้ว โดยแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 4 กลุ่ม ในแต่ละกลุ่มจะถูกกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนที่แตกต่างกัน ได้แก่ 1) วัคซีนเชื้อตายของ Sinovac 2) วัคซีนไวรัสเป็นพาหะของ AstraZeneca 3) วัคซีนไวรัสเป็นพาหะของ Johnson 4) วัคซีน mRNA ของ Pfizer โดยทดลองทั้งในกลุ่มอาสาสมัครที่อายุ 18-60 ปี และกลุ่มที่มากกว่า 60 ปีขึ้นไป โดยเบื้องต้นตรวจพบว่า ภูมิคุ้มกันที่ 6 เดือนหลังจากฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ โดยในกลุ่มอายุ 18-60 ปี ระดับภูมิคุ้มกันที่ตรวจพบได้เหลือ 20.4% ในขณะที่กลุ่มอายุมากกว่า 60 ปีเหลือ 8.9% เมื่อฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 แล้ว พบว่าวัคซีนทุกเทคโนโลยีจากทั้ง 4 บริษัทสามารถกระตุ้นได้ดี ทำให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการฉีดเพียง 2 เข็ม โดยกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนเชื้อตายของ Sinovac จะขึ้นสูงไป 12 เท่า ในขณะที่ฉีดด้วยไวรัสเป็นพาหะของ Johnson & Johnson เพิ่มขึ้น 77 เท่า ของ AstraZeneca เพิ่มขึ้น 90 เท่า ของ Pfizer เพิ่มขึ้น 152 เท่า โดยเป็นการวัดระดับภูมิคุ้มกันต่อส่วนหนาม ทั้งแบบระดับภูมิคุ้มกันปกติและภูมิคุ้มกันชนิดต่อต้านทำลายล้าง(NAb) ส่วนจุดเด่นของวัคซีนชนิดเชื้อตายที่ฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 คือ สามารถกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันต่อส่วนอื่นที่ไม่ใช่ส่วนหนามได้ ในขณะที่วัคซีนอีก 3 ชนิดไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันดังกล่าวได้ งานวิจัยดังกล่าวนี้ เป็นการยืนยันว่าการฉีดวัคซีนสูตรไขว้เข็ม 3 ตามหลังวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มแรกให้ภูมิคุ้มกันที่ขึ้นสูงมาก จะเป็นประโยชน์กับประเทศรายได้น้อยและปานกลาง ที่นำร่องด้วยการฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มแรก ว่าเมื่อฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนเทคโนโลยีอื่น จะได้ภูมิคุ้มกันที่สูงมาก และเป็นประโยชน์ในการควบคุมการระบาดของโควิด-19