อาชีวะสานต่อนโยบายเสมา 1 “พาน้องกลับมาเรียน” จับมือ 4 หน่วยหลักศธ. เปิดโครงการเรียนฟรี พักฟรีให้เด็กนักเรียนชั้น ม.3 ในปีการศึกษา 2565 จำนวน 5,200 คน 87 วิทยาลัยทั่วประเทศ แผน 10 ปีรองรับเด็ก 110,000 คน มุ่งเป้าลดเหลื่อมล้ำ ไร้เด็กตกหล่น เด็กมัธยมต้นได้เรียนต่อ 100% สร้างรากฐานระบบเศรษฐกิจที่มั่นคงแข็งแรง เมื่อวันที่ 22 ม.8.65 ที่วิทยาลัยการอาชีพป่าซาง จังหวัดลำพูน นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดโครงการ “สร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตกำลังคนของประเทศ” และร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา นางสาวตรีนุชกล่าวว่า โครงการนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องกับโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างโอกาสทางการศึกษา และการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อให้ผู้ที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ขาดโอกาสทางการศึกษาได้เข้าศึกษาต่อในสายอาชีพ ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนที่ตกหล่น จากระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานภาคบังคับ (ม.3) ได้เรียนต่อ 100% ซึ่งเป็นการผนึกกำลัง บูรณาการการทำงานภายในร่วมกันของ 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ สอศ. สพฐ. สช. และ กศน. ซึ่งรับผิดชอบกำกับดูแลเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กนักเรียนโดยตรง นางสาวตรีนุชให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า โครงการนี้ ทาง สอศ.ได้จัดเตรียมงบประมาณสำหรับปีการศึกษา 2565 ไว้แล้ว โดยสามารถให้การสนับสนุนน้องๆ ที่สนใจเข้าเรียนทางสายอาชีพในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 5,200 คน ในวิทยาลัยการอาชีพ และวิทยาลัยเกษตร 87 แห่ง โดยเป็นการเรียนฟรี และมีที่พักมาตรฐานให้พักฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลา 3 ปีของการเรียน อีกทั้งยังสนับสนุนให้น้องๆ มีรายได้ผ่านการจัดทำโครงการหารายได้ระหว่างเรียน รวมถึงการหาแหล่งงานให้ทำภายหลังจบการศึกษาอีกด้วย คาดหมายว่าตลอด 10 ปีของโครงการ จะรับได้ 8 รุ่น จะมีน้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ประมาณ 110,000 คน และภายใต้การดูแลของวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั่วประเทศใน 77 จังหวัด รวม 169 แห่ง “ในปีการศึกษา 2565 เราจะเปิดทุกสาขาวิชาของระดับ ปวช. ที่สถานศึกษานั้นเปิดทำการสอน โดยจะเน้นให้ความสำคัญในภาคปฏิบัติ ส่วนวิชาสามัญที่เป็นพื้นฐานในการเรียนยังคงมีอยู่ แต่จะบูรณาการเข้ากับการเรียนเนื้อหาทางวิชาชีพ” ในแนวทางปฏิบัติ ทาง สอศ.จะประสานกับสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อสำรวจนักเรียนที่กำลังจะจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 ที่มีความประสงค์ในการเรียนต่อทางด้านสายอาชีพ แต่ครอบครัวขาดกำลังทรัพย์ที่จะให้การสนับสนุน ซึ่งเป็นเด็กกลุ่มเป้าหมายหนึ่งในการลดความเหลื่อมล้ำ และป้องกันเด็กตกหล่นจากระบบการศึกษา ให้เข้ารับการศึกษาสายอาชีพแทน ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างทรัพยากรมนุษย์ สร้างงาน สร้างอาชีพ ทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้อย่างมั่นคง และแข็งแรง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าว นางสาวตรีนุช กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ทาง สอศ.ยังมีหลักสูตรระยะสั้นในหลากหลายสาขาที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปที่ให้ความสนใจในการต่อยอดความรู้ด้านทักษะอาชีพ เพื่อฝึกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ มีความเป็นมืออาชีพ ที่สามารถนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปประกอบอาชีพ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอีกด้วย ด้านนายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการ กอส. กล่าวว่า สอศ.ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการภายใต้โครงการ “สร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตกำลังคนของประเทศ” ภายใต้ชื่อ “อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ได้คัดเลือกสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการรับผู้เรียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 87 แห่ง ทั่วประเทศ โดยสามารถรับปริมาณนักเรียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้จำนวน 5,200 คน ระยะที่ 2 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2566 เพิ่มสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการรับผู้เรียนเข้าร่วมโครงการฯ ให้ได้จำนวนรวมทั้งสิ้น 169 แห่ง ทั่วประเทศ โดยสามารถสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน จำนวนรวมทั้งสิ้น 116,000 คน เลขาธิการ กอส. กล่าวต่อว่า โครงการ “อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” เป็นการสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุน พัฒนาศักยภาพกำลังคน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งปลูกฝังค่านิยมด้านคุณธรรม จริยธรรม ให้แก่นักเรียนสายอาชีพ ที่มีฐานะยากจนขาดโอกาสทางการศึกษา ในพื้นที่ห่างไกล ให้ได้รับการสนับสนุนทางด้านการศึกษา มีทักษะวิชาชีพ สามารถทำงานประกอบอาชีพได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้เรียน สร้างทางเลือกสำหรับผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีความสนใจในการเรียนต่อสายอาชีพเข้าสู่การศึกษาระดับอาชีวศึกษา นายธีรศักดิ์ อรุณวัชรพันธ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพป่าซาง จ.ลำพูน กล่าวว่า ทางวิทยาลัยการอาชีพป่าซาง เน้นบริหารจัดการศึกษา ภายใต้แนวคิด “การอาชีพ...เพื่อชุมชน” ที่ต้องการส่งเสริมให้เด็กที่มีต้นทุนชีวิตไม่มาก ได้มีโอกาสเข้าศึกษาต่อสายอาชีพ ซึ่งผู้เรียนส่วนใหญ่ เป็นชนเผ่าชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น ม้ง อาข่า กะเหรี่ยง จากดอยสูงสู่การเรียนรู้ 7 สาขาวิชาอาชีพ ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในศาสตร์ที่ผู้เรียนมีความสนใจ "วิทยาลัยการอาขีพป่าซาง เป็นหนึ่งสถานที่ในระยะแรก ที่เปิดโครงการ “อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” ขอให้ผู้ปกครองวางใจและเชื่อมั่นในการระบบการบริหารจัดการ หอพักวิทยาลัยฯ ทั้งความปลอดภัยและการเอาใจใส่ของครูพี่เลี้ยง ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตในทุกมิติ เพื่อให้พวกเขาเป็นคนดี คนเก่ง อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ปัจจุบันมีผู้เรียน กว่า 150 คน ได้มีโอกาสศึกษาต่อ และพักอาศัยในวิทยาลัยฯ เราอยากทำให้เป็น “วิทยาลัยแห่งนวัตกรรมและความสุข” นายธีรศักดิ์กล่าว ทั้งนี้ นางสาวตรีนุช ยังได้เดินทางไปวิทยาลัยการอาชีพป่าซาง จ.ลำพูน เพื่อตรวจดูความพร้อมของหอพักชายและหญิง สำหรับผู้ที่จะเข้าเรียนในโครงการ "อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ "ซึ่งทางวิทยาลัยการอาชีพป่าซางพร้อมรับเด็กที่จบมัธยมตอนต้น เข้าโครงการจำนวน 60 คนในปีการศึกษา 2565 สำหรับจำนวน 87 สถานศึกษาที่จะเปิดรับนักเรียนที่จบมัธยมศึกษาตอนต้น ในระยะแรก ประกอบด้วย วิทยาลัยเทคนิค 1 แห่ง วิทยาลัยการอาชีพ 39 แห่ง วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี 47 แห่ง แยกเป็นภูมิภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ 26 แห่ง ภาคกลาง 19 แห่ง ภาคใต้ 19 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 แห่ง ภาคตะวันออกและกทม. 5 แห่ง