วันที่ 22 ม.ค.65 เวลา 13.00 น. ที่ สน.โชคชัย คุณพล (นามสมมุติ) พ่อของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ หลังลูกสาวถูกชายอ้างเป็นตำรวจอุ้มออกจากโฮสพิเทล ขณะที่รักษาอาการป่วยโควิด-19 อยู่ คุณพล กล่าวว่า ลูกสาวป่วยโควิด 19 และรักษาตัวอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นฮอสพิเทลที่โรงพยาบาลเปาโลจัดหาไว้ให้ รักษาตัวได้ประมาณ 5 วัน ในช่วงตี 4 ของวันที่ 19 ม.ค.65 ก็มีชายฉกรรจ์ บุกเข้ามาที่ฮอสพิเทล อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ พร้อมชูบัตรให้เจ้าหน้าที่ดู บอกว่ามารับตัวลูกสาวไป เพราะลูกสาวมีหมายจับ เนื่องจากไปขโมยเงินมา 1 ล้านบาท พร้อมกับโชว์หมายให้กับพยาบาลดู จากนั้นพยาบาลก็พากลุ่มคนเหล่านั้นขึ้นมาหาลูกสาวถึงที่ห้องพัก แล้วเขาก็ฉุดกระชากลูกสาวตนไปด้วยเลย ทั้งนี้ กลุ่มของชายฉกรรจ์ มีอยู่ 4-5 คน โดย 1 ในนั้นมีคนที่ลูกสาวรู้จักด้วย เขาแอบชอบลูกสาวตน แต่ว่าพักหลังรู้สึกว่าชายคนนั้นไม่ปกติ มีอารมณ์รุนแรง ก่อนหน้านี้ลูกสาวทำอะไรไม่พอใจก็ล็อคคอ ตนเลยบอกให้แยกกัน ประกอบกับช่วงที่ลูกสาวป่วยเป็นโควิดพอดี ก็เลยมารักษาที่นี่ โดยที่ไม่ได้บอกให้ชายคนนั้นรู้ จนกระทั่งชายคนนี้บุกไปหาลูกสาวที่ฮอสพิเทล แล้วพามาอยู่ที่คอนโดย่านรามคำแหง ลูกสาวส่งข้อความมาบอกตนว่า ตอนนี้ถูกฉุดมาอยู่ที่คอนโด จากนั้นก็บอกพิกัด ตนเลยรีบประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย และขอกำลังจาก สน.หัวหมาก เพื่อเข้าไปรับตัว ก็ไปดักรอ จนกระทั่งช่วง 5 โมงเย็น ก็สามารถช่วยเหลือลูกสาวได้ มีรถมูลนิธิเส้นด้าย ประสานมารับลูกสาว ไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลแล้ว เบื้องต้น ลูกสาวไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายอะไร มีแต่รอยฟกช้ำบริเวณแขนที่เกิดจากการฉุดกระชากตอนออกจากโฮลพิเทลมา "ส่วนเหตุผลที่เขาต้องมาเอาตัวน้องไป เขาอ้างว่า เขารักมาก ซึ่งการกระทำแบบนี้ไม่ใช่ความรัก มันอยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่ว่ามาฉุดกระชากไปแบบนี้ เขาไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่ตุ๊กตาที่จะมาฉุดไป เราเป็นพ่อ เราก็ห่วงลูกสาวมาก ต้องเอาลูกกลับมา ส่วนโรงพยาบาล เราไม่ได้ถามเหตุผลอะไร แต่วันแรกที่ได้คุยกับเราบอกว่า ลูกของเราถูกลักพาตัวไป แต่พยาบาลก็บอกว่า เขามีหมายมา เราเลยถามกลับไปว่าคุณได้เช็คก่อนหรือไม่ว่ามันคือหมายจับจริงหรือเปล่า เพราะหมายที่เอามาโชว์ มันคือใบเรียกพยานของ สน.ประเวศ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกสาวเลย นอกจากนี้คืนเกิดเหตุชายฉกรรจ์ที่เอาตัวลูกสาวไปโดยที่ไม่มีชุด PPE ไม่ได้แต่งตัวในเครื่องแบบของตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่ปล่อยให้ไปได้ยังไง ทำไมถึงไม่แจ้งครอบครัวก่อน" หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะลงพื้นที่ไปยังฮอสพิเทลที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดและหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนที่จะดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป