จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในร้าน กร-กันต์ พันธุ์ไม้ ร้านจำหน่ายไม้มงคลชื่อดัง ย่านชุมชนร้านจำหน่ายต้นไม้และอุปกรณ์ตกแต่งสวน ริมถนนสายนครศรีธรรมราช-ท่าศาลา บ้านศาลาบางปู หมู่ 10 ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เป็นภาพคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุโจรกรรมต้นไม้โดยเฉพาะในกลุ่มบอนสี สัปรดสี ที่วางจำหน่ายอยู่ในร้าน เป็นชาย 2 คนหญิง 1 คน ชาย 1 คนในจำนวนนั้นถูกกล้องบันทึกภาพหน้าตารูปพรรณไว้ได้อย่างชัดเจน ส่วนผู้หญิงสวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีแดง สวมหมวกสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า คาดว่าน่าจะเป็นแฟนสาวของคนร้ายชาย ทั้งสามคนได้ก่อเหตุเลือกโจรกรรมบอนสี ตามใจชอบอย่างใจเย็น ทั้งยังไปหยิบถุงที่ร้านได้เตรียมไว้บริการลูกค้าอย่างสะดวกสบาย โดยเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกภาพไว้ได้เมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน ซึ่งเจ้าของร้านคือนายสุทธินันท์ ทองทรัพย์ อายุ 34 ปี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น วันที่ 19 มกราคม 2565 นายสุทธินันท์ ทองทรัพย์ หรือ ปาล์ม เจ้าของร้าน กร-กันต์ พันธุ์ไม้ ได้แจ้งว่าคนร้ายยังคงก่อเหตุโจรกรรมต้นไม้อย่างต่อเนื่อง ราว 5 ครั้งแล้ว โดยล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 17-18 มกราคม 2565 อีกครั้ง โดยคนร้ายรู้ว่าหน้าร้านมีกล้องวงจรปิด หลังจากนั้นนายสุทธินันท์ ได้นำไปยังเรือนอนุบาลบอนสีด้านหลังร้าน พบว่าคนร้ายได้เข้าโจรกรรมบอนสีจำนวนมาก โดยดึงออกเฉพาะต้นทิ้งกระถางและดินปลูกกระจายระเนระนาด สร้างความเสียหายให้นักธุรกิจรายนี้จำนวนมาก ทั้งนี้ นายสุทธินันท์ ระบุว่าบอนสีและสัปรดสีที่คนร้ายได้ไปนั้น มีมูลค่าตั้งแต่ต้นละหลักร้อยไปจนถึงราคา 2.5 พันบาท รวมแล้วขณะนี้มากกว่า 200 ต้น ทั้ง 5 ครั้งมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 2 แสนบาท ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ แต่ครั้งนั้นตำรวจให้ลงบันทึกประจำวันเท่านั้นยังไม่ได้ลงเลขดำเนินคดี หลังจากนั้นได้นำหลักฐานภาพกล้องคลิปวีดีโอไปให้ก็เฉย จนกระทั่งเกิดเหตุขึ้นอีกต่อเนื่องจนเข้าไปยืนยันว่าจะต้องดำเนินคดี เมื่อวานนี้(18ม.ค.)จึงได้เรียกไปสอบปากคำ พร้อมระบุว่า วันพฤหัสนี้จะขอหมายจับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ความต่อไปอย่างไร โดย เจ้าของธุรกิจขายต้นไม้รายนี้ยังบอกด้วยว่าไม่ใช่เฉพาะร้านเขาเท่านั้นที่ถูกคนร้ายเข้าก่อเหตุ ยังมีร้านอื่นๆถูกโจรกรรมต้นไม้และทรัพย์สินอื่นๆหลายรายบางรายเสียหายหลักหมื่น หลักแสน เฉพาะของเขาเองนั้นเสียหายกว่า 2 แสนบาท ความเสียหายทั้งย่านนี้นับล้านบาท โดยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการติดตามสืบสวนหาตัวคนร้ายอย่างจริงจังไม่เช่นนั้นเชื่อว่าคนร้ายยังคงอาศัยช่วงที่เจ้าของร้านผู้ดูแลเหนื่อยอ่อนในยามดึกดื่นหลังเที่ยงคืนจะเข้าก่อเหตุเช่นนี้ต่อไป