วันที่ 14 มกราคม 65 มีรายงานว่า เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.กรณีมีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งส.ส.ลำปาง เขตเลือกตั้งที่ 4 ใหม่แทนนายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 133 และให้ดำเนินคดีอาญากับนางเกี๋ยงมา ปุพพโก ตามมาตรา 73( 1) ประกอบมาตรา 158 ของกฎหมายเดียวกัน จากกรณีกกต.สอบสวนแล้วเห็นว่า วันที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่บ้านของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ต.ล้อมแรดอ.เถิน จ.ลำปาง นางเกี๋ยงมา ได้มอบธนบัตรซึ่งเย็บติดกันจำนวน 2 ชุดๆละ 300 บาทให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจริง โดยจากการตรวจสอบคลิปวิดีโอประกอบคำร้อง ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างนางเกี๋ยงมา กับผู้สิทธิ์เลือกตั้ง นางเกี๋ยงมาได้พูดว่า”ฝากให้แม่ด้วย”และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งถามว่า”เบอร์อะไร”นางเกี๋ยงมา ตอบว่า”เบอร์ 1″ พร้อมทั้งชูมือเป็นสัญลักษณ์หมายเลข 1 โดยไม่ปรากฏข้อความใดที่เป็นการกล่าวถึงการชำระค่าอาหาร ตามที่นางเกี๋ยงมา กล่าวอ้าง อีกครั้งจากการไต่สวนมารดาของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนดังกล่าวให้ถ้อยคำยืนยันว่า ธนบัตรจำนวน 600 บาทไม่ใช่ค่าอาหาร ที่นางเกี๋ยงมาว่าจ้างให้ตนทำไปส่งให้กับน้องชายของนางเกี๋ยงมา โดยนางเกี๋ยงมาได้มาสอบถามเกี่ยวกับจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในบ้านและมารดาของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ให้หมายเลขประจำตัวประชาชนของตนเองและบุตรชายกับนางเกี๋ยงมาไปก่อนที่จะมีการว่าจ้างให้ทำอาหาร ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงฟังได้ว่านางเกี๋ยงมาให้เงินจำนวน 600 บาท กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งดังกล่าวจึงเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้กับนายวัฒนาตามข้อกล่าวหา จึงเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่านางเกี๋ยงมา ทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจะเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายวัฒนา ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 73(1)โดยนายวัฒนาได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งจากการกระทำของนางเกี๋ยงมา เป็นเหตุให้การเลือกตั้งส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 4 จ.ลำปางแทนตำแหน่งที่ว่าง เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 63 ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเป็นการสืบสวนตามคำร้องของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ ผู้สมัครส.ส.เขต 4 พรรคเสรีรวมไทยขณะนั้น ยื่นคำร้องภายหลังการเลือกตั้งและได้มีการส่งคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ซื้อเสียงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งดังกล่าวเป็นหลักฐานต่อกกต.ด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ในส่วนที่มีการร้องว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น ใช้ตำแหน่งหน้าที่ โดยไม่ชอบเพื่อเป็นคุณเป็นโทษให้กับผู้สมัคร สัญญาว่าจะให้ให้ทรัพย์สินจูงใจ ให้เลือกนายวัฒนา รวมทั้งหมด 4 ข้อกล่าวหานั้น กกต.เห็นว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าร.อ.ธรรมนัส กระทำการตามที่กล่าวหา จึงมีมติให้ยกคำร้อง