กระทรวงอุตสาหกรรมอัดงบประมาณสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ 2,000 ล้านบาทจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3 โครงการ อุ้มเอสเอ็มอีและลูกหนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID -19) คาดช่วยเหลือผู้ประกอบการได้มากกว่า 500 ราย เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 10,000 ล้านบาท ช่วยรักษาการจ้างงานกว่า 3,000 ราย พร้อมเปิดรับคำขอ 17 ม.ค.65 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และบรรเทาผลกระทบจากภาระการชำระหนี้ของลูกหนี้ให้มีสภาพคล่องและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในช่วงภาวะวิกฤติ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกองทุนพัฒนา เอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เล็งเห็นถึงสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้ออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3 โครงการ เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีและลูกหนี้สินเชื่อของกองทุนฯ โดยจะสามารถเปิดรับคำขอได้วันที่17 มกราคมนี้ คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้มากกว่า 500 ราย รักษาการจ้างงานได้กว่า 3,000 ราย ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 10,000 ล้านบาท นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือ SMEs ที่เป็นนิติบุคคลและเป็นลูกหนี้ของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐได้แก่ 1.สินเชื่อเพิ่มศักยภาพ SME สำหรับผู้ผลิตให้บริการค้าปลีกหรือค้าส่งในกลุ่มอุตสาหกรรม BCG (Bio Circular Green) ใน 5 กลุ่มประกอบด้วย กลุ่มเกษตรอุตสาหกรรม/กลุ่มอาหารแปรรูปที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพ กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ กลุ่มผู้ผลิต/ผู้ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติ และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุดไม่เกิน15 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 18 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปีตลอดอายุสัญญา 2.สินเชื่อสร้างโอกาส เสริมสภาพคล่อง SME สำหรับผู้ผลิตให้บริการค้าปลีกหรือค้าส่ง เพื่อสนับสนุนให้ความช่วยเหลือเงินทุนแก่เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพที่เป็นนิติบุคคลและเป็นกลุ่มธุรกิจเป้าหมาย ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ให้นำเงินทุนไปใช้ในการปรับปรุง ลงทุนในกิจการ ฟื้นฟู กิจการในปัจจุบัน หรือเริ่มต้นกิจการใหม่ใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมประกอบด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูป กลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง และกลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ มีกรอบวงเงิน 500 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายตั้งแต่ 1 แสนบาท และสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา 3.สินเชื่อเพื่อฟื้นฟู SME เพื่อเป็นเงินทุนช่วยเหลือให้กับลูกค้ากลุ่มเดิมที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ที่มีภาระหนี้เงินต้นวงเงินกู้สินเชื่อระยะยาว (Term Loan) คงเหลืออยู่กับกองทุนได้นำเงินทุนไปใช้ในการปรับปรุง ลงทุน เงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ หรือฟื้นฟูกิจการในปัจจุบันหรือเริ่มต้นกิจการใหม่โดยผู้รับสินเชื่อต้องเป็นลูกหนี้ในโครงการสินเชื่อของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐหรือโครงการฟื้นฟูและเสริมศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำหรับ SMEsหรือโครงการสินเชื่อ SME โตไว ไทยยั่งยืน โดยมีกรอบวงเงิน 500 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุดไม่เกิน3ล้านบาทโดยเมื่อรวมกับภาระหนี้เงินต้นคงเหลือและดอกเบี้ยคงค้างของสัญญากู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ต้องไม่เกินจากวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติเดิม ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปีตลอดอายุสัญญา โดยทั้ง 3 โครงการสามารถติดต่อขอรับสินเชื่อได้ที่สำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด หรือผ่าน www.thaismefund.com และที www.smebank.co.thเชื่อมั่นมาตรการดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญในการพยุงกลุ่มเอสเอ็มอีให้สามารถประคับประคองการดำเนินกิจการด้วยการเสริมสภาพคล่องสร้างมูลค่าหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ โดยหวังว่าทุกๆ กิจการและสถานประกอบการจะสามารถดำเนินไปได้ปกติต่อไป