วันที่ 11 ม.ค.65 เวลา 11.00 น. พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และคณะ ได้เดินทางมายังด่านศุลกากรตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามโครงการก่อสร้างผนังเขื่อนป้องกันตลิ่ง และการก่อสร้างรั้วความมั่นคงอีเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.นราธิวาส พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาค 4 พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผบ.กองกำลังเทพสตรี พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ รอง ผบช.ภ.9 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอย ให้การต้อนรับ ซึ่งการติดตามโครงการดังกล่าว พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ได้โดยสารเรือสปีดโบ๊ทของเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำตากใบ ล่องไปตามลำน้ำสุไหงโก-ลก โดยเริ่มต้นจากด่านศุลกากรตากใบ ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับเมืองเป็งกาลันกูโบ รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ไปยัง ต.นานาค อ.ตากใบ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 15 ก.ม. โดยมีพ.อ.สิทธิชัย บำรุงเขต หัวหน้าฝ่ายยุทธการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้ร่วมลงเรือเป็นผู้กล่าวรายงานสรุปการก่อสร้างของทั้ง 2 โครงการ ให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ.ได้รับทราบ ถึงความจำเป็นในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว จากเงินงบประมาณปี 2565 ถึง ปี 2567 ซึ่งผูกพัน 3 ปี ด้วยเงินงบประมาณ 519 ล้านบาทโดยแยกเป็นการก่อสร้างผนังเขื่อนป้องกันตลิ่งระยะทาง 7.528 ก.ม. เนื่องจากประเทศมาเลเซียก่อสร้างแล้วเสร็จ ทำให้ริมตลิ่งฝั่งไทยถูกน้ำกัดเซาะ และการก่อสร้างรั้วความมั่นคงอีเล็กทรอนิกส์ ระยะทางยาว 6 ก.ม. จะมีการติดตั้งระบบ CCTV ในพื้นที่ 4 ชุมชนริมตลิ่งแม่น้ำสุไหงโกลก ในพื้นที่ อ.ตากใบ คือ ชุมชนตาบา ต.เจ๊ะเห ชุมชน ต.เกาะสะท้อน ชุมชน ต.โฆษิต และชุมชน ต.นานาค ซึ่งกล้อง CCTV ทั้ง 282 ตัว มีประสิทธิภาพในการจับใบหน้า การซูม จับภาพมองคงทีและการหมุนไปมา ที่ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนทั้ง 2 ฟากฝั่ง ซึ่งการดำเนินการก่อสร่างจะเริ่มต้นให้เวลาอันใกล้นี้ ซึ่งหากโครงการดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จผลประโยชน์ที่จะได้รับ คือสามารถสกัดกั้นจำกัดการเคลื่อนย้ายข้ามแดน ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงหลบหนีเข้าเมือง การนำเข้าอุปกรณ์อาวุธใช้ในการก่อเหตุที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง รวมไปถึงป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ที่อาจจะกลายพันธุ์เพิ่มเติมจากโอมิครอนและสายพันธุ์อื่นๆในอนาคตผ่านกลุ่มบุคคลที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย แถมทางอ้อมในอนาคตสามารถขยายผลไปสู่การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้