บทวิเคราะห์ประจำสัปดาห์จาก บริษัท หลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เผยว่าวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 1.9 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 4.26 แสนตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยออกมาที่ 3.9% (คาดการณ์ 4.1%) แม้การจ้างงานจะต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่ภายหลังจากที่ตลาดทราบตัวเลข ดังกล่าวปรากฏอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปียังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องชี้ถึงความกังวลเงินเฟ้อที่ยังปกคลุมนักลงทุนอยู่ ถัดมาในประเทศสำหรับประชุม ศบค. ในวันศุกร์ปรากฎว่าที่ประชุมยังไม่มีมติ Lock Down แต่ประกาศเพิ่มจังหวัดสีส้มเข้าสู่ 69 จังหวัดจากเดิม 39 จังหวัด โดยจังหวัดสีส้มยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เกือบปกติเพียงแต่จะห้าม (1) ห้ามรับประทานเครื่องดื่มที่ทำให้มึนเมาทุกประเภท (2) ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนมากกว่า 500 คนขึ้นไประยะสั้นทำให้ตลาดจะผ่อนคลายได้บ้างแต่ทั้งนี้คงต้องติดตามสถานการณ์ระบาดหลังจากนี้ ซึ่งในต่างประเทศพบว่าหลังจากเผชิญสายพันธุ์ Omicron การติดเชื้อต่อวันก็เร่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติการณ์ ดังนั้นประเทศไทยมีความเป็นไปได้ที่หลังจากนี้การติดเชื้อจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับ Scenario ของ ศบค.ที่เปิดเผยว่าในเดือน ก.พ.การติดเชื้อต่อวันอาจสูงถึง 3 หมื่นราย ซึ่งหากการติดเชื้อไปถึง 3 หมื่นรายก็ต้องกลับมาดูท่าทีว่ารัฐบาลจะเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการหรือไม่ เพราะจะนำมาซึ่งความเสี่ยงเปิดโอกาสปรับลดประมาณการทั้งเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน โดยปัจจัยสัปดาห์นี้ได้แก่ (1) เงินเฟ้อสหรัฐ (CPI) ในวันพุธ Bloomberg คาดที่ +0.4%MoM +7%YoY (2) เงินเฟ้อสหรัฐ (PPI) ในวันพฤหัสบดี Bloomberg คาดที่ +0.4%MoM +9.8%YoY หากตัวเลขออกมาสูงกว่าตลาดคาดก็อาจจะเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้น แต่จะดีกับกลุ่มประกัน อาทิ BLA รวมถึงอาจกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าได้ต่อบวกกับกลุ่มส่งออกที่ Valuation ยังไม่สูงมาก (TU) ดังนั้นจากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมายังไม่พบปัจจัยบวกแต่อย่างใดจึงเชื่อว่าทิศทางสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวกรอบ 1635 – 1670 กลยุทธ์การลงทุน ยังเน้นเป็นการ Trading ระยะสั้นและเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกอาทิ เนื้อสัตว์ยืนระดับสูง (CPF GFPT TFG) ส่งออก (TU) ตามปัจจัยบวกค่าเงินบาทอ่อนค่า ประกัน (BLA) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ส่วนทยอยสะสมยังแนะ Wait & See ก่อนเพื่อรอดูความชัดเจนจาก COVID-19 ในประเทศ TOP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 67 บาท) คาดกำไรปกติจะโตต่อเนื่องในปี 2022 หลังฟื้นตัวขึ้นมาจากผลขาดทุนในปี 2020 และมีผลประกอบการแข็งแกร่งในปี 2021 หนุนจาก 1) ค่าการกลั่นที่ดีขึ้น 2) ผลประกอบการธุรกิจปิโตรเคมีที่มั่นคง และ 3) การรับรู้รายได้จากโครงการ CAP CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26 บาท) แม้ราคาปัจจุบันจะเกินกว่าราคาเป้าหมาย อย่างไรก็ตามด้วยราคาเนื้อสัตว์ที่มีโอกาสยืนระดับสูงอย่างน้อย 3 เดือนเนื่องจากกว่าที่กำลังการผลิตจะกลับเข้าสู่ตลาดมักใช้ระยะเวลา นอกจากนี้ในช่วงตรุษจีนจะยิ่งเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นอุปสงค์ของราคาทำให้ราคาเนื้อสัตว์มีโอกาสขยับขึ้น จึงมองว่าสามารถเก็งกำไรได้